ลิขิตพราย โดย วงแหวนดาวเสาร์ สนพ.อรุณ
ชายหนุ่มคนหนึ่งเดินทางรอนแรมไปในหนทางมืดมิด
มีเพียงเสียงหริ่งเรไรและหิ่งห้อยนำทาง
เขากำลังหนีจากสังคม ผู้คน มาเพื่อตามหาสิ่งหนึ่งซึ่งถูกซุกซ่อนเอาไว้ในป่าลึก... “บ่อพราย”
ตำนานเล่าขานกันว่าหากใครได้ส่องดูเงาตนเองที่บ่อในคืนเดือนมืด คนผู้นั้นจะมองเห็นสิ่งที่ตนตามหา

พี่นนท์คนใหม่กลายเป็นอีกคนที่เพลงพิณไม่รู้จัก จากผู้ชายขี้แพ้ สุภาพ อ่อนโยน ไม่สู้คน
กลายเป็นกระด้าง ปราดเปรียว สนุกกับชีวิตในเวลาที่ได้เอาชนะทุกสิ่งด้วยแววตาทรงพลังจนน่าขนลุก
ชั่วเวลาไม่กี่เดือนสรานนท์กลับกลายจากคนหมดตัวไปเป็นตากล้องมาแรงที่สุดในขณะนั้น
เขาเปิดนิทรรศการภาพถ่ายชวนพิศวงและดูสูงค่าจนเหล่าเศรษฐีแทบจะเหยียบกันเพื่อแย่งชิงไปไว้ในครอบครอง
ด้วยแรงดึงดูดแปลกประหลาดราวกับไม่ใช่พลังจากน้ำมือมนุษย์
Tags: สรานนท์ เพลงพิณ ธิติ พล กมลณัฐ บ่อพราย

ตอน: บทที่ ๕ จุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลง(ต่อ-จบบท)

อาการของลูกน้องสาวคนใหม่ทั้งหมดนั้นไม่สามารถรอดพ้นสายตาที่มองมาอย่างจับผิดลึกซึ้ง
ของใครบางคนที่มาใหม่ เขาวางแผนไว้ให้เพลงพิณออกไปพบลูกค้ากับผู้บริหารอีกคนซึ่ง
เป็นรุ่นพี่จบมาจากโรงเรียนมัธยมชายล้วนโรงเรียนเดียวกันกับเขา พิษณุแต่งงานมีลูกเมียแล้ว
แถมยังรักครอบครัวดีเยี่ยม ไม่มีปัญหาว่าจะมาเกาะแกะน้องเขาแน่ นอกนั้นทางนี้ก็คงสะดวก
เมื่อไม่มีน้องสาวมารับรู้ว่าเขาจะทำอะไร


“ครับ พี่ณุ ยังไงฝากด้วยนะครับ ให้พายายเพลงไปส่งถึงบ้านเลย เพราะว่าวันนี้
ผมกับน้องมารถคันเดียวกัน เพลงเลยไม่มีรถ ครับขอบคุณ แล้วพรุ่งนี้คุยกัน”

พลวางสายไปอย่างสมใจ เขากับพี่ณุคุยกันง่ายแบบนี้มาตั้งแต่ก่อนแต่ไรเพราะอยู่
ชมรมศิลปะด้วยกันตั้งแต่สมัยเรียน พลเสียดายอยู่แค่ไม่ได้ไปเลี้ยงฉลองวันเกิดน้องสาว
แต่เดี๋ยวค่อยแวะซื้อเค้กวันเกิดไปปลอบใจ

ชายหนุ่มใช้ชั่วขณะที่รอตรวจดูงานซึ่งกำลังจะตกเป็นหน้าที่ของเขาต่อจากเพลงพิณ
บางส่วนต้องแบ่งให้เจ้านนท์ แต่รายนั้นก็ยังขอผัดผ่อนไม่มาทำงานในเดือนแรก
เขาก็ปล่อยให้มันไปสะสางเรื่องวุ่นอะไรของมันให้เสร็จ จะว่าไปตั้งแต่กลับมา
ก็ยังไม่ได้เจอหน้า แต่เพราะรู้จากที่ติดต่อกันทางโทรศัพท์ พลก็เข้าใจว่าเพื่อนต้องการเวลา



เข็มนาฬิกาเลื่อนไปเรื่อยๆ หญิงสาวผู้ต้องอยู่สะสางงานยังคงไม่ได้กลับบ้าน
ยายปลาขอตัวกลับก่อนเพราะมีนัดกระหน่ำกินกับเพื่อนสมัยเรียนในวันนี้เอาพอดิบพอดี
กมลณัฐโบกมือไล่อย่างไม่ใส่ใจเพราะตนเองก็อยู่ทำงานจนมืดบ่อยๆ ด้วยขี้เกียจ
เอางานไปทำต่อที่บ้าน วันนี้ก็คงจะค่ำกว่าปกติ เพราะที่ทำงานนี้ยังมีคนและมีการ
รักษาความปลอดภัยให้พนักงานอย่างดีหญิงสาวจึงไม่กังวล อย่างไรเสียก็จะพยายาม
ไม่ให้ถึงบ้านช้านัก ถ้าไม่ไหวจริงๆ ค่อยมาต่อพรุ่งนี้ เพราะพ่อที่แสนจะหวงลูกสาว
ซึ่งดูไม่ค่อยเป็นสาวไม่ชอบใจเลยถ้ากมลณัฐจะกลับบ้านช้ากว่าสองทุ่ม

แต่แล้วเมื่อปิดงาน ปิดคอมพิวเตอร์และกำลังจะเตรียมกลับ
เสียงที่ไม่คุ้นเคยแต่จำได้ว่าเป็นใครก็ดังขึ้น

“คุณดูไม่ค่อยชอบใจเลยนะที่ต้องทำงานกับผม”

กมลณัฐหันไปเมื่อสะพายกระเป๋าเข้ากับตัวเรียบร้อยแล้ว จริงอย่างคาด
ดวงตาเรียวรีแฝงแววจับผิดของเจ้านายหนุ่มที่ดูแสนดีในสายตาทุกคนบ่งบอกชัดทีเดียว
เขามีปัญหากับเธอ...

“เอ่อ ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกค่ะ แต่ฉันก็พร้อมจะปรับตัวนะคะ ถึงเรายังไม่รู้จักกันดี
แต่ว่ายังไงก็ต้องทำงานด้วยกันแล้วนี่” หญิงสาวพยายามยิ้มและตอบอย่างรักษามารยาท

“หึ ก็คงต้องแบบนั้น เพราะผมคงปล่อยให้คุณเกาะติดน้องสาวผมนุงนังไม่ได้หรอก
เห็นคุณมองน้องผมแบบนั้น บอกตรงๆ ว่าผมไม่ชอบใจเท่าไหร่” ชายหนุ่มยิ้มมุมปากน้อยๆ
อย่างถือตัว สีหน้าคล้ายไม่อยากพูดออกมาตรงๆ แต่ก็จำต้องติติงให้กมลณัฐรับฟังเอาไว้

หญิงสาวโกรธกรุ่นที่ถูกเจ้านายคนใหม่ตำหนิทว่าก็ไม่อาจหาคำมาเถียง นี่เขาจะหาเรื่อง
กดดันเธอถึงเพียงนี้ตั้งแต่วันแรกเชียวหรือ ถึงเธอจะมองคุณเพลงจริงๆ แต่ที่เขาพูดมันก็
เกินไป “คุณเพลงเป็นเจ้านายนะคะ ฉันยังไม่เคยถูกตัวเธอก่อนเลยด้วยซ้ำ เกาะแกะอะไรกัน”
กมลณัฐพยายามข่มเสียงตอบไป

คนเป็นพี่ชายส่งเสียงจิ๊กจั๊กอย่างไม่พอใจ เขาไม่คิดหาเรื่องใคร แต่กับเรื่องหวงน้องสาวนี่ไม่ได้
เขาเคยจัดการพวกผู้ชายที่มาจีบเพลงพิณมาแล้วนักต่อนัก ถึงน้องโตแล้วความหวงก็ไม่ได้ลดน้อยลง
มีแต่จะเพิ่มด้วยซ้ำ ไม่คิดว่าจะต้องมารับมือพวกหญิงรักหญิง แถมยังเป็นคนในบังคับบัญชาแบบนี้
ความหวงน้องสาวสุดที่รักยิ่งทำให้ต่อมมารยาทของพลหดเหลือนิดเดียว

“ถามจริงๆ คุณชอบยายเพลงเหรอ”

“ปะ เปล่า นะคะ” กมลณัฐหน้าเหรอหรา ไม่คิดว่าจะถูกถามตรงๆ แบบนั้น
กับคุณเพลงเธอก็แค่ปลื้ม...ในความสวย ความน่ารักน่าเอ็นดู ความอบอุ่นที่อีกฝ่ายมี
แต่กมลณัฐก็ยังถามตัวเองแล้วไม่ได้คำตอบด้วยซ้ำ ว่าถูกใจเพลงพิณแบบไหนแน่
ชอบแบบชู้สาว...คงไม่ถึงอย่างนั้นหรอกมั้ง

“จุ๊ๆๆ ผมดูออกหรอกน่า รู้ไหม ถ้าเพลงรู้เรื่องนี้คงไม่ชอบใจเท่าไร สมัยก่อนมีเพื่อนผู้หญิง
มาชอบยายเพลง ทำเอาน้องผมเข็ดมาก เลิกคบแม่เพื่อนคนนั้นไปถาวรเลย”
พลสังเกตเห็นว่าฝ่ายตรงข้ามหน้าหดลงไปหลายส่วน นี่แหละเข้าทาง...
“ถ้าเพลงรู้เข้าละก็ คงตีตัวออกห่างคุณแน่นอน”

“ไม่จริง ฉันไม่ได้คิดอะไรแบบนั้น”

“สีหน้าคุณมันฟ้องหมดแล้ว” ชายหนุ่มแกล้งแหย่ “ถ้าไม่ได้คิดจริง
ผมบอกเพลงดีไหมน้า ถ้าคุณบริสุทธิ์ใจจริงก็ไว้แก้ตัวเอาเองแล้วกัน”

“ยะ อย่านะคะ...” กมลณัฐดึงสายสะพายกระเป๋าตนเองเงอะงะ ยามเผลอเผยจุดอ่อน
“คุณอย่าพูดเรื่องที่มันไม่จริง ฉันไม่อยากให้คุณเพลงมองฉันไม่ดี” หน้าของหญิงสาว
แดงระเรื่อขึ้น ผิวสองสีนวลเนียนคล้ายน้ำผึ้งแปรเป็นอมเลือดฝาดน่าดู

“หึๆ คุณพลาดแล้ว” ชายหนุ่มที่จับสังเกตอยู่พลันรู้สึกหัวใจกระตุกนิดหนึ่งอย่างช่วยไม่ได้
ยามเห็นเหยื่อที่กำลังเดินเข้าสู่กับดักหน้าแดงขึ้นมาเช่นนั้น น่ารัก...
แต่แม่นี่ไม่ใช่ผู้หญิงสักหน่อย จะมัวมองให้เสียเวลาทำไม

สีหน้าของคนถือไพ่เหนือกว่าของฝ่ายตรงข้ามทำให้กมลณัฐอึดอัดแต่ก็จนใจจะแก้ตัว

“เอาเถอะ ที่แล้วก็ให้แล้วไป แต่อย่ามองน้องผมแบบนั้นอีก มันไม่สมควร”

“แค่มองก็ไม่ได้หรือคะ อืม ฉันจะพยายามเตือนตัวเองแล้วกัน” หญิงสาวประชดเล็กๆ
สูดหายใจเข้าลึก เชิดหน้าขึ้น สบตาเจ้านายคนใหม่โดยพยายามซ่อนความหวั่นใจเอาไว้

อันที่จริงความรู้สึกกิ๊วก๊าวกับคุณเพลงนั้นกมลณัฐเคยคิดว่าตนอาจสร้างมันขึ้นมาเพียงแค่
ให้เป็นสีสันของการทำงานในแต่ละวัน แต่เพราะคนตรงหน้านี้ทำให้หญิงสาวเริ่มโกรธและคิด
ลองดีแบบดื้อตาใสให้เขาหงุดหงิดเล่นอยู่ครามครัน


ในขณะที่ทั้งคู่กำลังจ้องตากันอย่างไว้เชิง เสียงที่ไม่คาดคิดก็ดังขึ้น
“พี่พล !!! ”

“เพลง... ก็พี่วานให้คุณพิษณุไปส่งที่บ้านแล้วไง ทำไมกลับมาที่ทำงานอีก”

“เห็นคุณพิษณุเขาบอกว่าพี่พลจะกลับดึกหน่อย เพลงเห็นลูกค้าคุยเสร็จเร็ว เลยขอย้อนมารอ
กลับพร้อมกัน จะได้ไปฉลองวันเกิดเพลงอย่างที่ทีแรกคิดว่าจะอด... แล้วนี่ มีเรื่องอะไรกันหรือเปล่าคะ”
เพลงพิณมองคนทั้งคู่ที่ยืนประจันหน้ากันสลับไปมา อาการกำหมัดระวังตัวของกมลณัฐบอกได้
ว่าบางอย่างไม่ปกติ

“ถามลูกน้องเพลงเอาเองแล้วค่อยตามพี่มาแล้วกัน” พลตีหน้าแนบเนียนโดยการแสดงออกกลายๆ
ว่าเขาไม่ฟังข้อกล่าวหา และไม่ได้ทำอะไรผิดจึงไม่จำเป็นต้องอยู่แก้ต่างให้ตนเอง “ตอนแรกพี่จะแวะ
ซื้อเค้ก แต่เอาเป็นเราไปหาอะไรทานฉลองวันเกิดเพลงกันให้อร่อย เดี๋ยวพี่ชายไปรอหนูเพลงที่รถนะคะ...”

ชายหนุ่มเดินออกประตูไปอย่างสง่าผ่าเผยโดยมีสายตาสาวสองคนมองตามอย่างสับสน โดยเฉพาะกมลณัฐ
ผู้ชายอะไรเอาเรื่องความรู้สึกส่วนตัวของเธอมาข่มขู่กัน น่ารังเกียจเป็นที่สุด นายพลอะไรคนนี้
นิสัยเสียเอามากๆ ให้ตายเถอะ ! เหมือนคุณเพลงก็แค่หน้าตาเท่านั้นจริงๆ



คืนนั้นสองพี่น้องไปดินเนอร์กันจนดึก เพลงพิณคุยกับพี่ชายที่ไม่ได้เจอกันนานอย่างออกรส
แม้จะโทร.หากันอยู่เสมอแต่ก็ไม่เหมือนเวลาได้มองหน้ากันชัดๆ พี่พลยังน่ารักเหมือนเก่า
หญิงสาวจึงเลี่ยงไม่พูดเรื่องน่าสงสัยในที่ทำงานขึ้นมาทำลายบรรยากาศดีๆ ลงไป
แต่เมื่อนั่งเคียงพี่ชายมาในรถ เธอก็เอ่ยขึ้นจนได้ ซึ่งอีกฝ่ายก็คงรู้ดีอยู่แล้วว่าน้องสาวต้องพูด

“เพลงไม่เห็นพี่พลเกเรแบบนี้มาหลายปีแล้ว ทำไมต้องหาเรื่องแกล้งคุณณัฐด้วย”

“แกล้งอะไรคะ เขาฟ้องอะไรเพลงเหรอ” คนเป็นพี่ชายทำไขสือ

“เปล่าค่ะ ณัฐอึกอักไม่ยอมพูด แต่เพลงพอจะเดาได้ว่าพี่พลต้องไปแหย่อะไรเขาไว้แน่”

“เปล่านี่คะ ไม่มีอะไร ก็แค่ยังไม่คุ้นกัน แต่เดี๋ยวทำงานกันไปสักพักก็ดีเอง ไว้ใจพี่เถอะเพลง”

คนเป็นน้องกอดอก ยังไม่ยอมหลงเชื่อคารมพี่ชายง่ายๆ หญิงสาวคิดหาทางออกที่ดีที่สุดอยู่ในใจ
พี่พลเคยเป็นคนให้โอกาสคนอื่น แม้แววตาพี่ชายจะบ่งบอกว่าคลางแคลงใจในตัวกมลณัฐ
แต่เนื้อแท้แล้วอาจต้องการการพิสูจน์ตนเองจากลูกน้องคนใหม่

ที่สุดเพลงพิณก็ตกลงใจจะให้พี่ชายดูแลลูกน้องผู้น่ารักต่อไปอีกสักระยะ โดยมีแผนให้คนสำคัญ
ทั้งสองที่ต่างก็เป็นคนเก่งได้หันมาจับมือเป็นมิตร หวังว่าจะไม่ยากเกินไปก็แล้วกัน



สรานนท์ใช้เวลาเกือบทั้งเดือนจัดการกับหลายสิ่ง เริ่มจากเรื่องสินทรัพย์ของปู่ที่เขาเพิ่งได้
ครอบครองเป็นเจ้าของไปทีละอย่างสองอย่าง ไม่น่าเชื่อว่าปู่จะซ่อนสมบัติเอาไว้ด้วยวิธี
โบราณอย่างหาที่ฝังมันเอาไว้ กับดินบ้าง กับสถานที่บ้าง หรือ...ฝากไว้กับคนที่มีชีวิต

เขาก็แค่ไปทวงเอามันคืนมาในค่ำคืนอันมืดมิด ด้วยความสามารถบีบคั้น กดดัน
ยิ่งราตรีข้างแรมจิตพรายก็เรืองรนไปด้วยอำนาจ

ชายหนุ่มรับรู้ได้ถึงที่อยู่ของสมบัตินั้นด้วยดวงจิตที่ได้รับมา มันเป็นกุญแจนำไปสู่ทุกอย่าง

ในเวลาที่กลับมาอยู่กับเรื่องของตัวเอง เขาวางแผนงานถ่ายรูปโดยคิดใช้ห้องว่างซึ่งมีอยู่มากมาย
ในตึกสี่ชั้นทั้งห้าคูหาที่เขาได้รับมา คูหาที่สรานนท์ใช้เป็นบ้านมาตลอดอยู่ทางซ้ายสุดของปีกตึก
เจาะเชื่อมกับอีกคูหาที่ติดกันรวมเป็นสองคูหา ผู้เช่าเดิมย้ายออกไปหมดตั้งแต่เขามีเรื่องราวกับธิติ
ที่จะเข้ามายึด ด้วยบิดาสรานนท์ได้เสียมันให้กับเสี่ยกำธรพ่อของอีกฝ่ายตั้งแต่ก่อนทั้งคู่จะเสียชีวิต

สรานนท์ตัดสินเปลี่ยนคูหากลางเป็นสตูดิโอถ่ายงานส่วนตัวเต็มรูปแบบอย่างที่เคยฝันมาตลอด
เขาไม่ต้องการถ่ายให้เห็นทิวทัศน์ภายนอกอยู่แล้ว ขอแค่ความมืดและการจัดฉากให้ได้ดั่งใจ
ส่วนคูหาปีกขวาที่เหลือเตรียมไว้เป็นแกลอรี่จัดแสดงผลงาน

ส่วนอันเป็นที่อาศัย ได้รับการจัดแต่งเสียใหม่ ...มันเหมือนกับว่าวันหนึ่งเขาลืมตาตื่นขึ้นมา
แล้วก็ค่อยๆ รู้สึกทนตัวเองไม่ได้ ทั้งความคิด สารรูป ชายหนุ่มออกไปซื้อเสื้อผ้าใหม่หมด
ขนของเก่าไปบริจาค เปลี่ยนเฟอร์นิเจอร์ ทาสีใหม่ ให้มีการก่อสร้างเพิ่มเติมในด้านบรรยากาศ
เปลี่ยนห้องธรรมดาๆ ให้ดูมีราคาและเต็มไปด้วยกลิ่นอายที่เขาฝันหา กลิ่นของน้ำ...
เขาสามารถเนรมิตสิ่งเหล่านี้ได้ด้วยสมบัติที่ปู่ทิ้งไว้ให้ ต้องขอบคุณปู่ในทุกอย่าง

“ถ้าไม่มีปู่วันนี้ผมจะเป็นยังไง ปู่ช่วยให้หลานโง่ๆ พบทางของตัวเองเมื่อยังเด็ก”
เขารำพึงกับตนเอง “จนผมโตป่านนี้ ปู่ตายไปแล้ว แต่สิ่งที่ปู่ทิ้งไว้ก็ยังช่วยหล่อเลี้ยงผม
ให้กลับมาเป็นผู้เป็นคน ไม่รู้จะตอบแทนยังไงจริงๆ ...”

แต่เด็กมาแล้ว งานเขียนของปู่ทำให้เขาอยากเขียนสารคดี จนถึงสอนให้หัดถ่ายภาพ
ตั้งแต่สมัยเขาเริ่มเป็นหนุ่ม ปู่คือแรงบันดาลใจ และในตอนนี้เขาจะใช้สิ่งที่ได้รับมาสร้างฐาน
อันแข็งแกร่ง นำไปสู่สิ่งที่จะสร้างให้งอกเงยขึ้นมาใหม่ด้วยตัวเอง

หลังจากหลายคืนที่เขาออกไปสืบเสาะถึงความลับที่เกี่ยวข้องกับเสี่ยกำธรบิดาของธิติ
ผู้คนมากหน้าหลายตานักถูกชักนำมาเกี่ยวข้องกับพ่อเขา มันเกิดอะไรขึ้น และสิ่งไหน
ที่ผลักดันให้คนสองคนไปสู่จุดจบพร้อมๆ กัน เขาจะต้องรู้

พอผ่านค่ำคืนอันอ่อนล้าที่ภารกิจของเขาดำเนินไป สรานนท์ก็หลับลึก เขาหลับตาลงพักผ่อน
พร้อมกับจิตพรายที่ค่อยๆ ฟื้นสภาพในยามหลับใหล เมื่อนอนจนเต็มตา เขาตื่นขึ้นทบทวน
การกระทำที่เพิ่งผ่านพ้นไป สิ่งที่เขาทำกับเหยื่อ มันถูกต้องดีแล้วหรือ...

ชายหนุ่มผุดลุกขึ้น แขนแข็งแรงยกฟูกนอนพอให้สอดมือเข้าไปหยิบบันทึกเก่าเล่มนั้นออกมาได้
เขาไม่ได้เอามันติดตัวไปด้วยตอนเข้าป่าไม่เช่นนั้นมันก็คงจะหายไปเสียแล้ว เนื้อหาในเล่ม
สรานนท์จำมันขึ้นใจ แต่ถึงจำได้แล้วก็ยังอยากเห็น เพื่อยืนยันว่าทั้งหมดเป็นความจริง
แง้มสมุดออก สายตาเขากวาดไปยังหน้าต้นของบันทึก


เขียนที่บ้านสาทร พุทธศักราช ๒๔๙๔ ปีเถาะ ปกติมาส-ปกติวาร

หากย้อนไปวันนั้นเมื่อหลายเดือนก่อน วันจันทร์ที่ ๒๘ พฤษภาคม แรมแปดค่ำ เดือนหก
...อาจเป็นเพราะพวกเราอยู่ในวัยคะนองจึงตื่นเต้นกันมากกับการเข้าป่าคราวนี้ เราไปค้าง
ที่บ้านอุตรดิตถ์ของฉันหลายวันเพื่อวางแผน เพื่อหาคนนำทาง แม้ฉันจะคุ้นกับการเข้าป่ากับพ่อ
เคยไปกันจนใกล้ที่ที่ว่าเป็นทางเข้าสู่ป่าลับแลแถวธารน้ำในป่าแม่พลู แต่พ่อฉันไม่เคยยอมให้
กรายใกล้ไปกว่านั้นในสมัยที่เธอยังมีชีวิตอยู่

ในการเดินทางครั้งนี้ เราหมายมาดว่าจะไปตามหาสิ่งที่เรียกว่าบ่อพราย ผู้เฒ่าผู้แก่
เล่าถึงเหล่าคนที่หายตัวไปโดยไม่กลับมาเมื่อออกตามหามัน แต่ฉันเองไม่เคยคิดกลัวเรื่องนั้นเลย
เลือดผจญภัยที่เปี่ยมอยู่ในกายและใจมันเรียกร้อง เร่งเร้าให้ออกเดินทาง

ความหวังยังเจิดจรัสเมื่อเราเริ่มต้นเข้าป่า ลอดผ่านใต้น้ำตกเข้าสู่เส้นทางลับ มีพวกเรากับ
พรานมือดีที่เจนป่าแถบนี้อีกสองนาย ไม่นึกว่าหนึ่งในนั้นจะไม่รอดชีวิต อีกหนึ่งป่วยหนัก
ด้วยไข้ป่าจนมีอันต้องตายเสียกลางทาง เหลือเพียงพวกเราที่เอาตัวรอดกันมาได้
จนป่าเริ่มเปลี่ยนไป
มีกลิ่นของบางอย่างที่จะเรียกว่าลึกลับก็ยังไม่พอ มันเหมือนกับกลิ่นอายของอีกโลกโชยชายมา
และหิ่งห้อยสีฟ้าพวกนั้น ได้นำทางพวกเราไปจนถึงบ่อพราย...

สรานนท์ปิดหนังสือลงเท่านั้น นึกสงสัยในคำที่ปู่ใช้...
พวกเรา ภาษาไทยมันไม่เหมือน WE ในภาษาอังกฤษ
แค่สองคนก็เรียกว่าพวกเราได้แล้ว หากใช้เพื่อแสดงความเป็นพรรคพวกกัน

แต่ปู่เขาไม่ได้บอกไว้สักคำ ว่าไปกับใคร ชื่ออะไร แลดูจงใจจนเหมือนอยากจะเก็บเรื่องนั้นไว้เป็นความลับ

คงไม่ได้มีแต่ปู่ที่ได้จิตพรายนี้ไป อีกคนที่เขาสงสัย
ศิลปินชื่อพรายน้ำ...แต่คนคนนั้นเป็นใคร สรานนท์ยังมืดแปดด้าน เพียงแต่เขาสัมผัสได้จาก
ผลงานภาพถ่ายพวกนั้น มันมีพลังแฝง พลังจิตพรายแบบเดียวกับที่เขาครอบครอง สามารถ
ดึงดูดใจ ดลใจมนุษย์ ผลักดันให้เกิดอารมณ์ต่างๆ ทั้งสุข ทุกข์ เศร้า เหงา กลัว ระลึกถึง
ความผิดบาป ระเริงในความอยากมี สุดแต่ความแรงของจิตที่จะบงการ แต่ละภาพของพรายน้ำ
ให้อารมณ์ต่างกันไป ไม่ได้รุนแรงนัก แต่ก็ครอบงำชักจูงอยู่ในที

ศิลปินคนที่ว่าไม่น่าจะใช่ใครที่เขารู้จัก ปู่ธิติและอากงของเพลงพิณก็นับเป็นคนสนิทของปู่
แต่รายแรกเป็นพวกบ้าวัตถุ คงไม่สนใจป่าเขาลำเนาไพรหรือสิ่งเร้นลับ ส่วนอากงเพลงพิณ
เท่าที่รู้มาก็นิสัยเหมือนหลานสาว ไม่น่าจะดั้นด้นเข้าป่าไปทำเรื่องไม่เป็นเรื่องแบบนี้แน่

ปู่ของสองคนนั้นถ่ายทอดนิสัยมาสู่รุ่นหลายกันได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง ชายหนุ่มยิ้มมุมปาก
มันแย่ตรงที่เขาก็ดันชอบเรื่องที่ดูจะไม่เป็นเรื่องแบบเดียวกับปู่ตนเองเหมือนกัน

อำนาจที่เขาได้มานั้นดีทุกอย่าง แต่มันคือเกมที่ต้องแลกด้วยชีวิต

ดวงตาสีฟ้าอมเขียวเรืองบนใบหน้าลางเลือนนั้นติดตรึง สิ่งมีชีวิตคล้ายมนุษย์ งดงาม ทว่า
ทรงพลังอำนาจแห่งป่า หรือว่าเป็นอำนาจจากโลกอีกแห่งที่หนทางสู่โลกนั้นซ่อนเร้นอยู่ใต้บ่อพราย

‘ตามสัญญานี้ เราให้ท่านก่อน ต้องดูว่าท่านจะรักษาอำนาจไว้ได้ตลอดไป
หรือว่า...จะไม่เหลือสิ่งใดเลย’

ช่างเถอะ ยังไงคนอย่างสรานนท์ก็ไม่มีอะไรจะเสียอยู่แล้ว นี่แหละเกมที่เหมาะกับเขาที่สุด

‘ต้องใช้จิตพรายเพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งที่เป็นความต้องการสูงสุดแห่งชีวิต ถ้าไม่สำเร็จ ถือว่าท่านแพ้’

ฟังคล้ายมีแต่ได้กับได้ แต่คงไม่ง่ายขนาดนั้น... สิ่งอันเป็นยอดปรารถนางั้นหรือ
จะรู้ได้ยังไงว่ามันคืออะไร ในชีวิตคนเราก็ต้องการหลายอย่าง

นี่แปลว่าปู่เขาเคยผ่านเกมนี้มาแล้ว ปู่ชนะ... หรือว่าแพ้...
แต่นั่นมันก็ไม่ได้ทำให้ปู่อายุสั้น เท่าที่มองดูจากสายตาคนนอก เขาเห็นว่าปู่ชนะในเกมของปู่
ชีวิตท่านห่างไกลจากคำว่าไม่เหลืออะไรเลยมากทีเดียว ในบันทึกเขียนไว้ คนเราสามารถส่งต่อ
จิตพรายให้ผู้อื่นได้หากไม่เลือกจะดับไปพร้อมมัน จิตของปู่ดับไปหรือว่าส่งมอบให้ใคร
ในสังคมผู้คนที่รายล้อม ต้องระวังตัว เขาอาจเดินสวนกับผู้ที่ได้ครอบครองจิตพรายโดยไม่รู้ได้เลย
หากอีกฝ่ายคุมพลังได้มากกว่าเขาที่ยังเป็นมือใหม่

แล้วเงื่อนไขของตัวเขาที่จะต้องผ่านไปให้ได้นั่นเล่า ตอนนี้สรานนท์ยังบอกไม่ได้ว่าอะไรคือสิ่งที่
ตนเองต้องการมากที่สุด แต่จิตที่เร่งเร้าร่ำร้องอยู่ภายในเป็นตัวกระตุ้นให้รู้ว่าต้องเร่งตามหามัน

‘ถึงเวลาแล้วท่านจะรู้เอง เวลาที่สิ่งสำคัญนั้นค่อยๆ ก่อร่างขึ้นในใจ ท่านจะรับรู้ด้วยตนเอง
ว่ามันแตกต่างจากสิ่งอื่น หนึ่งเดียวที่ท่านปรารถนาจะได้มา ท่านต้องใช้อำนาจพรายทำให้
ความปรารถนานั้นเป็นจริงให้สำเร็จ แต่ถ้าหากว่าไม่...’

…เขาจะต้องแลกด้วยสิ่งใด ?



อสิตา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 16 ส.ค. 2555, 08:46:16 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 5 ต.ค. 2557, 07:35:45 น.

จำนวนการเข้าชม : 1360





<< บทที่ ๕ จุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลง   บทที่ ๖ แววตาที่เปลี่ยนไป >>
อสิตา 16 ส.ค. 2555, 09:03:23 น.
ขอLikeหน่อยนะค้าถ้าชอบ เกาะแข้งเกาะขาคนอ่าน

จู่ๆ คนเขียนก็ฝันว่าตัวเองเป็นนางนพมาศเมื่อคืน ออกมางามมาก(!?) ตอนแรกได้ชุดสีชมพูๆ
แต่เผลอๆเค้าเปลี่ยนให้เป็นสีแดงๆเหลืองๆ แล้วก็บอกว่าเหมาะกับบุคลิกเรามากกว่า
แต่กำลังเริ่มเดินเวทีเลย ยังไม่ทันรู้ผล ชิๆๆ
(เค้าเคยประกวดสองครั้งน้า ตอนอนุบาล2 กับป.1 ฮ่าๆๆ นานขนาด ยังจะมาคุย)

คุณเลิฟหมวย แหม ณัฐยังไม่พร้อมเรียกฝาละมีหรอก เร็วเกิน ขอเวลาเปลี่ยนเพศเอ๊ยไม่ใช่ รับรู้เพศตัวเองนิดนุง

คุณหมูอ้วน ณัฐต้องเป็นนางนพมาศที่สวยแน่ๆ กรรมการคงจะต้องหวั่นไหว

คุณชีจัง ใครคือพระเอกเหรอคะ เอิ๊ก อันที่จริงเวลาเขียนเนี่ย ไม่เคยมอบตำแหน่งให้ตัวละครนะ
มีแค่ว่าอยากเขียนอะไรเท่านั้น แต่คนอ่านก็ย่อมมีความคาดหวัง สินะๆๆ

คุณพระอาทิตย์สีทอง ขอบคุณที่ช่วยจับไก่อยู่เสมอนะคะ คนเขียนสติเจือจางมาก แต่แก้ตามแล้วละ

คุณซาอิแกะน้อยงุงิหางนิ่ม ณัฐท้องเสียเอาวันนี้เลยยืนบิด บุคลิกไม่ดีเลยพี่พลไม่ชอบนะ...

คุณหมอเฟอร์นักสะสมโป๋ยแมว แหม พอเห็นตัวละครคล้ายฟลออกมานี่ไม่ได้เลยนะ
จะเป็นเพลงหรือเป็นณัฐ เลือกเอาสักอย่าง คิดชู้สาวกับพี่ชายตัวเองไม่ได้นา

คุณอามีราห์แท็ค พี่พลต้องตะลึงตึงๆๆๆแน่ ยิ่งอยากปราบอยู่ แต่เค้าไม่ยอมรับง่ายๆหรอกเสียฟอร์ม

คุณหลิง รอติดตามวันลอยกระทงนะคะ อิอิอิ สงสัยต้องเปลี่ยนเป็นลิขิตพลจริงๆละชื่อเรื่อง

คุณฮอบบิท ชอบพี่พลแล้วหรือคะ สงสารพี่นนท์จางงง พี่นนท์รีบกลับมาทำคะแนนหน่อยเร๊ว

คุณใบบัวน่ารัก คนเขียนก็อยากเป็นนางนพมาศแบบนุ่งผ้าถุงนะคะตอนเด็ก แต่ได้แต่โจงกระเบน
สงสัยครูจะเห็นแววในการแหกแข้งขา แอบเจ็บใจเพื่อนที่ได้ผ้าถุงอยู่ครามครัน ชิๆๆ

คุณลูกหนูสฎา ณัฐโดนหาเรื่องบ่อยมาก ถ้าไม่ใช่หนุ่มหล่อนี่ ลาออกไปแล้วมั้งในชีวิตจริง
กร๊าก แต่ณัฐเปล่าเห็นแก่ความหล่อนะ บางทีก็เห็นว่าหน้าเหมือนคุณเพลงเลยใจอ่อนเท่านั้นเอง^///^หนอย


sai 16 ส.ค. 2555, 09:59:11 น.
ชอบคู่ณัฐกับพี่พลจัง ดูน่าสนุกกว่าคู่พี่นนท์กะหนูเพลง


บุลินทร 16 ส.ค. 2555, 11:45:52 น.
เชียร์คู่รองๆ


ameerahTaec 16 ส.ค. 2555, 11:58:08 น.
กี้สสสสสสสสส เปลี่ยนใจมาชอบพี่พลละ ชอบเวลาพูดกะเพลงจัง คะ ขา อิอิ


ling 16 ส.ค. 2555, 12:18:05 น.
พี่นนท์ ไม่มีอะไรได้มาฟรีแน่ แต่ลุ้นคู่พี่จัง อิอิ


goldensun 16 ส.ค. 2555, 13:24:07 น.
พี่พลประกาศศึกแล้ว แต่ยังแอบเห็นคู่ต่อสู้น่ารักอีกแน่ะ
ปูเรื่องพรายให้เห็นชัดเจนขึ้นค่ะ ดูเหมือนพรายจะให้พลัง แล้วขึ้นอยู่กับว่า
ผู้ที่ได้รับ จะรักษาจิตพรายไว้ได้หรือไม่นะคะ ถ้าได้ ก็รวย ถ้าไม่ได้ ก็หมด
หรือปู่จะให้พ่อ แต่พ่อนนท์พลาด เลยล่มจมคะ


Zephyr 16 ส.ค. 2555, 15:19:53 น.
อะไรอ่ะ มะม้า เฟอร์ก็ชอบคนบุคลิกแบบพี่พลไง แต่พี่พลมะม้าสู้พี่ฟลของเฟอร์ไม่ได้หรอก ฮี่ๆ
เชียร์พี่พลสุดใจขาดดิ้น อิอิ ตอนนี้ให้ยายณัฐโดนปราบไปก่อนๆ
เพลงนะ กลับมาทำไม ชริ ไม่ดูเวลาเลย เค้ายังฉะกันไม่เสร็จ เอ๊ะ มาช้าหน่อยไม่ได้รึไงนะ


lovemuay 16 ส.ค. 2555, 18:50:39 น.
กลัวว่าสิ่งที่ต้องแลกจะเป็นหนูเพลงน่ะสิ -3-


shadha 16 ส.ค. 2555, 23:19:30 น.
พี่พลคะ เค้าเตือนพี่พลแล้วนะ ตกหลุมรักขึ้นไม่ไหวใครก็ช่วยไม่ได้เน่อ
ปูลู พี่นนท์คะ รีบเอาหน้าหล่อๆมาเสนอได้แล้ว เดี๋ยวโดนพี่พลกระชับพื้นที่ชิงบทพระเอกไปไม่รู้ด้วยนะ


konhin 17 ส.ค. 2555, 14:06:34 น.
ลึกลับมาก นั่นสิ "พวกเรา"ที่ว่าเป็นใครกัน?


หมูอ้วน 17 ส.ค. 2555, 22:35:20 น.
แลกด้วยชีวิตแน่ ๆ เลย กลัว กลัว กลัวค่าาา


ใบบัวน่ารัก 18 ส.ค. 2555, 05:42:00 น.
แลกกะอะไร
ใครไปกะปู่ด้วย
มีแต่เรื่องน่าสงสัย


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account