ลิขิตพราย โดย วงแหวนดาวเสาร์ สนพ.อรุณ
ชายหนุ่มคนหนึ่งเดินทางรอนแรมไปในหนทางมืดมิด
มีเพียงเสียงหริ่งเรไรและหิ่งห้อยนำทาง
เขากำลังหนีจากสังคม ผู้คน มาเพื่อตามหาสิ่งหนึ่งซึ่งถูกซุกซ่อนเอาไว้ในป่าลึก... “บ่อพราย”
ตำนานเล่าขานกันว่าหากใครได้ส่องดูเงาตนเองที่บ่อในคืนเดือนมืด คนผู้นั้นจะมองเห็นสิ่งที่ตนตามหา

พี่นนท์คนใหม่กลายเป็นอีกคนที่เพลงพิณไม่รู้จัก จากผู้ชายขี้แพ้ สุภาพ อ่อนโยน ไม่สู้คน
กลายเป็นกระด้าง ปราดเปรียว สนุกกับชีวิตในเวลาที่ได้เอาชนะทุกสิ่งด้วยแววตาทรงพลังจนน่าขนลุก
ชั่วเวลาไม่กี่เดือนสรานนท์กลับกลายจากคนหมดตัวไปเป็นตากล้องมาแรงที่สุดในขณะนั้น
เขาเปิดนิทรรศการภาพถ่ายชวนพิศวงและดูสูงค่าจนเหล่าเศรษฐีแทบจะเหยียบกันเพื่อแย่งชิงไปไว้ในครอบครอง
ด้วยแรงดึงดูดแปลกประหลาดราวกับไม่ใช่พลังจากน้ำมือมนุษย์
Tags: สรานนท์ เพลงพิณ ธิติ พล กมลณัฐ บ่อพราย

ตอน: บทที่ ๖ แววตาที่เปลี่ยนไป

หุหุ ขอต๊ะตอบคอมเม้นต์ไว้ก่อนนะคะ กำลังเสียสติแล้ว
พ้นเดือนนี้ไปจะกลับมาเป็นผู้เป็นคน ...ตรวจนิยายก่อนลง แล้วก็
จัดแจงเอาตอนพิเศษอัคนิมาลงเสียที ยังไม่ได้จะเบี้ยวน้า แหะๆๆ *-*

เจอคำผิด คำประหลาด ทักได้นะคะ ช่วยหน่อยเน้อ งานหนักงานสุมกลุ้มอุรา........



บทที่ ๖ แววตาที่เปลี่ยนไป

ก่อนออกจากบ้าน ชายหนุ่มอาบน้ำค่อนข้างนานตามปกติ มองเงาตนเองในกระจกขณะที่
หยาดน้ำระเหิดหายไปจากผิวและผมอย่างง่ายดายเมื่อเขาไล่พวกมันออกไป

ความรู้สึกบางอย่างที่หน้าอกข้างซ้ายเด่นชัด...ร่องรอยอันบ่งถึงสัญญาของเขากับพวกพราย
และดูคล้ายเส้นสายหยักเป็นคลื่นของพืชน้ำ ดูอีกทีก็ราวกับว่าเป็นตัวอักขระอันมีความหมาย
เป็นรอยลิขิตแห่งน้ำ ที่จะบ่งชี้ชีวิตของเขานับจากนี้ไป
ผิวเนื้อตรงนั้นเย็นวาบอยู่เป็นนิจ แต่มันร้อนรุมๆ ในความรู้สึก จิตพรายที่ร่างกายยังไม่คุ้นชินง่ายๆ
ทำให้หงุดหงิด คล้ายมีบางอย่างมิได้ดังใจ ความรู้สึกนั้นบรรเทาลงยามเมื่อร่างกายสัมผัสกับน้ำ
พลังอำนาจของเขาเป็นส่วนหนึ่งของมัน

เขาเลิกขับรถคันเก่าแต่ยังคงจอดมันไว้เผื่อต้องใช้ เพราะเดี๋ยวนี้ตนเองสามารถไปปรากฏตัวยังที่ไหนๆ
ได้ด้วยวิธีอันแผกออกไป หากต้องการให้ดูเป็นปกติก็จะเรียกใช้บริการรถแท็กซี่

สำหรับปีนี้วันลอยกระทงเป็นวันเกือบชนสิ้นเดือนพฤศจิกายน สรานนท์ ศาสตร์ศศิน ปรากฏตัว
ในรั้วที่ทำงานของตน สถานที่แห่งนี้เขาห่างหายจากมันไปในพักหลัง ทั้งที่แต่ก่อนเคยมาทำงานทุกวันๆ
ต่อเนื่องนานเกือบสิบปี ชายหนุ่มกวาดตามองบรรยากาศหรูหราคึกคัก วันนี้เขามาในมาดใหม่
ต่างกับวันที่เข้ามาเก็บของลิบลับ วันนั้นหลบๆ ซ่อนๆ ...วันนี้พร้อมจะพบหน้าทุกๆ คน

อารยกิจการพิมพ์ตั้งอยู่ในเนื้อที่กว้างขวาง ไม่เรียกว่าถึงกับเป็นย่านชานเมือง แต่ก็ห่าง
ใจกลางเมืองมากพอที่จะรู้สึกถึงความเจือจางของมลภาวะ ตัวตึกล้วนสร้างใหม่จากผลกำไร
หลากด้านของสำนักพิมพ์ที่พยายามจะก้าวขึ้นเป็นหนึ่งในวงการสิ่งพิมพ์ไทย สวนสวย
หลายกระหย่อมจัดแต่งไว้แซมตลอดระยะรับกับสิ่งก่อสร้าง ไม้ใหญ่ที่อยู่มานานตั้งแต่
รุ่นปู่ย่าช่วยก่อความร่มรื่นเย็นใจ
ในวันที่มีงานสนุกและผู้คนมากันมากมายเช่นนี้ทางสู่ตึกนิทรรศการทันสมัยก็ถูกจัดแต่งไว้
สะสวยด้วยซุ้มดอกไม้ไทย งานใบตอง ดอกไม้ร้อยกรองประณีตสมบรรยากาศวันลอยกระทง

เพลงพิณมองลงไปจากชั้นสองของตึกนิทรรศการซึ่งเป็นกระจกใสตลอดแนว เห็นร่างสูง
ในสูททรงสง่าตัดจากผ้าไหมมัดหมี่เทาดำแต่งลายเชิงเกือบจะกลืนไปกับเนื้อผ้าแค่ตรงสาบเสื้อ
เชิ้ตตัวในสีดำ ขรึมแบบมีศิลป์แปลกตาทั้งยังเข้ากับบรรยากาศ พี่นนท์ไม่ได้มัดผม ท่าเดิน
ของเขาดูสง่าเหลือเกิน ไม่เหลือเค้าผู้ชายที่หลายคนนิยามลับหลังว่า ‘ดูกระจอก’
เวลาได้ยินแบบนั้นเพลงพิณได้แต่ไม่พอใจแทนทุกทีไป แต่เวลานี้ คงไม่มีใครว่าเขาแบบนั้นได้อีกแล้ว

คนแอบมองแย้มยิ้ม เร่งผละลงไปชั้นล่าง เตรียมทักทายคนที่หายไปตลอดเดือน
เธอโทรไปหาเขาเพื่อขอบคุณเรื่องของขวัญที่แสนจะถูกใจครั้งหนึ่ง หีบเพลงนั้น
ถูกเปิดฟังก่อนนอนแทบทุกวัน ทำให้ยิ่งคิดถึงคนให้ที่ไม่ยอมโผล่มาให้เจอสักที
พี่พลเองบ่นแล้วบ่นอีกว่าอีกฝ่ายไม่เคยอยู่ทั้งที่ดั้นด้นไปหา...
ต่อมาเพลงพิณโทรไปคุยว่าเขากำลังทำอะไร สรานนท์ตอบว่ายุ่งๆ กับงานถ่ายรูป
หญิงสาวจึงได้แต่รอเวลาให้หมดเดือนเพื่อที่เดือนหน้าเขาจะได้มาเริ่มงานเสียที
แต่ในวันงานห้อยท้ายปลายเดือนเช่นนี้พี่พลบอกล่วงหน้าแล้วว่าเพื่อนของตนจะมา
และนั่นก็เป็นอีกเหตุผลที่ทำให้เพลงพิณเฝ้ารอให้ถึงวันลอยกระทงไวๆ



สรานนท์กำลังเอ่ยทักทายคนรู้จักหลายคนที่หน้าห้องจัดเลี้ยง หลายคนแปลกใจระคนทึ่ง
ที่เห็นเขาในมาดใหม่ ชายหนุ่มไม่ได้แสดงท่าว่าสนใจปฏิกิริยาเหล่านั้น เขากวาดตาไปสุดห้อง
แล้วเขาก็พบเธอยืนยิ้มละไมอยู่ยังมุมที่มีซุ้มไม้จัดไว้ระย้าลงมา ซ่อนนางพรายที่แสนสวยงาม
ไว้จากสายตาคนนอก

ร่างแบบบางท่อนบนสวมเสื้อแขนยาว ข้างในเป็นเกาะอกสีเนื้อซ้อนซับอยู่ใต้ตัวเสื้อลูกไม้โปร่ง
สีไข่ไก่เหลือบประกายโอลด์โรสปักดิ้นมุก จากทรงคล้ายชุดไทยบรมพิมานประยุกต์คอเสื้อมิดชิด
กลายเป็นปาดเปิดไหล่ลาดละมุนตา เครื่องประดับมุกสีครีมพันสองทบแล้วขมวดตรงปลายสายยาว
ที่ห้อยลงมาเลยเอว ท่อนล่างเป็นกระโปรงพลีททรงสั้นโทนเดียวกับตัวเสื้อแต่สีอ่อนลงมาเล็กน้อย
ดูทันสมัย ผมทรงเก๋ที่เขาเพิ่งเห็นเมื่อเดือนก่อนปล่อยตามปกติยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงและการที่มัน
ดูยาวขึ้นเล็กน้อยกลับทำให้ดูพอดิบพอดียิ่งกว่าเมื่อแรกด้วยซ้ำ

เพลงพิณเห็นสายตาของคนเคยคุ้นที่กำลังตรงดิ่งมาหาเธอในมุมอันค่อนข้างจะเป็นส่วนตัว
แต่พอใกล้เขาก็ชะงัก คล้ายนึกอะไรบางอย่างขึ้นได้ ทว่าทั้งยังมองมานิ่งๆ พอเจอแบบนั้น
หญิงสาวก็หวั่นๆ อย่างไรบอกไม่ถูกแต่ก็เสทำเป็นไม่มีอะไร และเป็นฝ่ายเดินเข้าไปหาเขาอย่างสดใส

“วันนี้ไม่ลืมแว่นแล้ว ดีจัง จะได้มองเห็นความสวยของสาวๆ นางนพมาศชัดๆ ”

สรานนท์ถอนใจ แค่ความสวยตรงหน้านี้ก็แทบจะทำเอานางนพมาศทั้งประเทศหมองไปได้หมดแล้ว
ชายหนุ่มพยายามกล้ำกลืนความรู้สึกแปลกๆ เมื่อภาพในวันที่เพลงพิณอ้อนระทวยเป็นขี้ผึ้งเอนอิง
ซบอยู่กับอกเขากำลังค่อยๆ ย้อนมา ไม่ใช่แค่ภาพ ทั้งกลิ่นแล้วก็สัมผัสยังแจ่มชัดจนอยากให้เกิด
เหตุการณ์แบบนั้นขึ้นอีกสักครา
พยายามสลัดความคิดนั้นทิ้ง ครั้งก่อนที่เจอเธอเขาก็ยังพลั้งเผลอใช้อำนาจจิตบังคับให้
เพลงพิณสวมแว่นตาให้ เหมือนกับว่าเขากำลังติดใจความรู้สึกบางอย่างที่เจ้าของร่างน้อยตรงหน้า
ก่อให้เกิด เธอเป็นน้องสาว ใจเดิมๆ ยืนกรานเขาจะต้องไม่เผลอทำไม่ดีแบบนั้นอีก แต่ใจดวงใหม่
กลับกระซิบบอกต่างออกไป...

“ไปดูกระทงกันพี่นนท์ เพลงจะเลือกกระทงที่เข้ากับชุดที่สุดเลย เดี๋ยวจองไว้ก่อนแล้วเราไป
ลอยด้วยกันนะ เพลงตั้งใจไว้แล้วว่าจะโบ้ยงานช้างให้ท่านผู้บริหารคนใหม่ เอ...จะว่าไป
พี่นนท์ก็เป็นท่านผู้บริหารคนใหม่นี่นา”

“ยังไม่ขึ้นเดือนใหม่ พี่ยังไม่เริ่มงาน” สรานนท์ยักไหล่หน้าตาย

“ทำงานตามจำนวนเงินจริงๆ ด้วย แฟร์ๆ แบบนี้เพลงชอบ” หญิงสาวคิกคัก
“วันนี้เราบริษัทเปิดให้ชาวบ้านทำกระทงมาออกร้านในงาน กับพวกอาหารไทยๆ
ที่เราเลือกมาแล้ว เขาทำกันสวยน่าดู”

เนื่องจากเพิ่งจะเริ่มเย็นและงานยังมิได้เปิดอย่างจริงจังทั้งสองคนจึงมีเวลาตระเวนชิม
นั่นนี่กันจนจุใจ ทั้งไข่นกกระทาในหลุม ขมไทยแปลกๆ หรือแม้กระทั่งอาหารงานวัด
อย่างสายไหมหรือปลาหมึกปิ้ง หอยทอดผัดไทยกระทงเล็กๆ แต่อร่อยทำให้ชิมได้หลากหลาย
โดยที่ท้องยังไม่เต็มเสียก่อน

“อืม ถั่วงอกสดมาก หอยแมลงภู่ด้วย” หญิงสาวชม

“พี่ว่าเดี๋ยวเพลงคงต้องไปเติมลิปสติกใหม่แล้ว กินมากขนาดนี้”

หญิงสาวขมวดคิ้วกับถ้อยคำดังกล่าว ก่อนจะยัดเยียดอาหารในมือตนทั้งหมดให้คนตัวสูง
“งั้นพี่นนท์กินแทนเลย เดี๋ยวเพลงอ้วน”

“พอเจออย่างใหม่เพลงก็ร้องจะกินอยู่ดี” สรานนท์บ่น กระนั้นก็ยังกินอาหาร
ที่ได้รับตกทอดมาอย่างไม่เกี่ยงงอน

เป็นอย่างที่ชายหนุ่มว่าจริงๆ เมื่อเพลงพิณพบร้านร้านใหม่ที่คนในงานสามารถต่อคิวรอรับได้
โดยไม่เสียสตางค์ เยี่ยมหน้าเข้าไปเห็นว่าน่าทานหญิงสาวก็ลากพี่ชายไม่แท้ของตนเองไปต่อคิวอีก

หลายคนเข้ามาทักทายสรานนท์ ชายหนุ่มก็คุยด้วยอย่างเป็นกันเอง แต่หากจับตาดูดีๆ
เพลงพิณก็เห็นว่าในการตอบบทสนทนาอย่างเจนจัดของเขานั้นก็ยังดูห่างเหินอยู่ในที เป็นเหตุให้
คนเหล่านั้นไม่กล้าที่จะอยู่รบกวนเวลาสบายๆ ที่อยากให้เป็นส่วนตัวของเขากับเพลงพิณนาน

“พี่นนท์กลายเป็นพวกเขี้ยวลากดินแล้วนะคะ”

“หือ ไม่นี่”

“จริงนะ เพลงเห็น”

“ไหน ไม่เห็นมี” ชายหนุ่มแยกเขี้ยวให้เพลงพิณดูทั้งที่ยังหน้าตาย

“เอ้า ถั่วงอกติดฟันแล้วนั่น ตายๆๆ ”หญิงสาวหัวเราะร่วน

“มีจริงเหรอ” ชายหนุ่มชักจะหน้าแดงเรื่อขึ้น

“ฮ่าๆ ล้อเล่น พี่นนท์ทำเป็นเก๊กหล่อ ที่แท้ก็ยังตลกเหมือนเดิมนี่นา” หญิงสาวได้ที

“อย่าให้ถึงตาพี่บ้างนะเพลง” คนโดนแกล้งคาดโทษอยู่ในที


ในขณะที่ทิ้งให้เพลงพิณเพลินอยู่กับอาหารที่โต๊ะนั่งเล่นตัวหนึ่งในสวนสวยรอบนอกของบริเวณงาน
สรานนท์อาสาไปหาเครื่องดื่มมาให้เพิ่มเติม แต่ระหว่างทางก็มีใครคนหนึ่งคว้าไหล่เขาเอาไว้จนต้องหัน
แต่ก่อนจะทันได้พูดอะไรเจ้าตัวผู้จู่โจมก็โถมเข้ากอดเขาเอาไว้แนบแน่นจนชายหนุ่มหายใจแทบไม่ออก

“ไอ้นนท์... นี่ถ้าวันนี้แกไม่โผล่มาฉันจะไปลากคอแกถึงบ้านแล้วนะ”

“ก็ยังดีที่แกเชื่อ เพราฉันไม่ชอบให้ใครมารบกวนเวลาทำงาน”

คำตอบยิ้มๆ ของสรานนท์ทำให้พลชะงัก แม้เพื่อนจะดูคล้ายพูดเล่นและไม่ได้อารมณ์บูด
แต่จากน้ำเสียงนั้นส่อเค้าว่าถ้าเกิดเขาดันไม่เชื่อและโผล่ไปรบกวนเข้าจริงๆ แม้ไม่ได้เจอหน้ากันนาน
ก็อาจถูกมันตะเพิดออกมาได้

“นี่แกโตเป็นหนุ่มตั้งแต่เมื่อไหร่” พลยิ้มเริงร่าให้เพื่อนที่สูงกว่าตนเองหลายเซ็นต์ แม้จะงงนิดหน่อย
กับบุคลิกที่ดูดีเป็นคนละคนของเพื่อน แต่เขากลับดีใจในการเปลี่ยนแปลงนั้นอย่างบอกไม่ถูก
เพราะตลอดเวลาที่เห็นมันหงอ เป็นพลนี่แหละที่ร่ำๆ อยากลงไม้ลงมือกับเพื่อนมาแล้วไม่รู้กี่ครา

สรานนท์กอดคอเพื่อน พลเป็นคนเดียวจริงใจเสมอ เกเรอย่างจริงใจ แกล้งเขาอย่างจริงใจ
ยามเขาเดือดร้อนก็พร้อมจะช่วยอย่างจริงใจอีกเหมือนกัน เสมอต้นเสมอปลายในทุกสิ่ง
คงเป็นคนสุดท้ายที่จะเปลี่ยนไป


แต่ช่วงก่อนนี้ที่เขาเจอมรสุมชีวิต เขาก็เลือกจะปิดไม่ให้เพื่อนรู้ แม้ว่าตึกของพ่อจะมีความหมาย
ต่อเขาเพียงไหน หรือแม้ว่าความยุติธรรมในเรื่องงานที่เขาไม่ได้รับ เพราะเขาไม่อยากให้เพื่อน
ที่บินจากไปไกลต้องมารับรู้ความชวนสมเพชอย่างน่าละอายเกี่ยวกับตัวเขา
เขาต้องการให้พลกลับมาเห็นภาพของเขาแล้วอุทานอย่างยินดีในความเปลี่ยนแปลง
อย่างเช่นที่มันกำลังทำตอนนี้...


เพลงพิณที่เดินตามสรานนท์มามองเห็นชายหนุ่มทั้งคู่แต่ไกล ถ้าเป็นแต่ก่อนคงต้องบอกว่า
พี่ชายเธอเด่น แต่เดี๋ยวนี้ ไม่น่าเชื่อว่าความหล่อของพี่นนท์ชักตีตื้นขึ้นมาจนกินกันไม่ลง
กับพี่พลที่เคยเป็นเดือนอยู่เสมอไม่ว่าจะโคจรไปตรงไหน

“พี่พลหล่อจริงนะคะวันนี้” คนเป็นน้องร้องทัก ก็คุณชายเล่นทรงสูทขาวทับเชิ้ตตัวในสีม่วงจาง
เข้ากับท่อนล่างซึ่งเป็นผ้าไหมโจงกระเบนสีเทาเหลือบม่วงอ่อนๆ วาวเงินเงาในเนื้อ ถุงเท้าขาว
รองเท้าดำครบเซต มองไกลๆ ก็ดูอย่างกับท่านเจ้าคุณในละครอยู่เหมือนกัน ไปอยู่เมืองนอกนาน
ก็แบบนี้ พี่ชายคงอยากจะได้บรรยากาศไทยๆ เต็มที่สักหน่อย

ทั้งที่บรรยากาศควรจะชื่นบานในวันดีๆ ซึ่งคนที่มีใจผูกพันกันได้มาพบหน้าสนทนาชื่นมื่น
ทว่าความสุขสันต์เหมือนจะเลือนๆ ลงเมื่อเพลงพิณทำสีหน้าชะงักและสองหนุ่มหันตามไปมองสาเหตุ

เป็นธิติที่เดินเข้ามาในบริเวณนั้นพร้อมด้วยชายคนหนึ่งที่ต้องบอกว่าไม่หนุ่มไม่แก่แต่สีหน้าไม่ใคร่น่าคบ
สรานนท์มองไม่วางตาแต่สีหน้าเรียบเฉย ในขณะที่พลแลดูไม่สบายใจนัก เขารับรู้ถึงความเปลี่ยนแปลง
ของเพื่อนสนิทอีกคนได้จากหลายคนที่ส่งข่าวให้ได้รับรู้ นอกเหนือจากนั้นทุกครั้งยามได้คุยกัน
ทัศนคติขัดแย้งระหว่างเขากับธิติก็ดูจะรุนแรงขึ้นทุกที และยิ่งเมื่อกลับมาเห็นความจริงทุกสิ่งที่เมืองไทย
ตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมา พลก็สามารถระบุได้ว่าแม้จะเจอหน้ากันบ่อยๆ กับเขาธิติเหมือนกลายเป็นเพียง
คนรู้จักไปอย่างไม่พอที่ สรานนท์เสียอีกที่เพิ่งจะเจอกันวันนี้ทั้งมันเองก็มีหลายสิ่งเปลี่ยนไป
แต่ในแววตานั้นบอกให้เขารู้ ว่าความเป็นเพื่อนยังคงอยู่ไม่เสื่อมคลาย

“ไงครับ อยู่กันพร้อมหน้าเลยนะ ผู้บริหารคนสำคัญถึงสามของอารยกิจ” ธิติเปรยเสียงเข้ม
เหมือนเขาประชดกลายๆ และไม่ได้รวมตัวเองเข้าไปในกลุ่มคนสำคัญที่ว่าด้วย
“ราศีจับทั้งกลุ่มเลย โดยเฉพาะผู้บริหารคนใหม่ ”

เพลงพิณเห็นสีหน้าสรานนท์เรียบเฉยแม้ไม่มองธิติตรงๆ แต่ก็ไม่ได้เบือนหลบ
คล้ายว่าเขาขี้เกียจสนใจในตัวเพื่อนเก่าแต่ก็ไม่เห็นความสำคัญพอจะหลบสายตา

“ไงไอ้นนท์ ตั้งแต่ต่อยกันยังไม่ได้คุยกันเลยนี่หว่า แต่เดี๋ยวก็ต้องร่วมงานกันแล้วนะ ท่านผู้บริหาร”
ธิติเยาะ “อ้อนี่ รู้จักคุณดนัยไว้หน่อยไหม ก่อนพ่อพวกเราจะตายคุณดนัยเขาสนิทสนมกับ
สองคนนั้นดีเชียว” ชายหนุ่มหน้าเข้มเอ่ยราวกับว่ามรณกรรมของบิดาตนที่ผ่านไป
กลายเป็นเรื่องดินฟ้าอากาศ

อันที่จริงถ้าธิติจะโกรธเคืองสรานนท์เรื่องที่ตามรูปคดีดูเหมือนว่าบิดาของเขาได้ยิงเสี่ยกำธร
แล้วยิงตัวตายตามสรานนท์ก็พอเข้าใจ แม้ว่าตัวเขาเองยังกังขาในเรื่องนั้น แต่นี่ธิติดูเหมือน
ไม่ค่อยใส่ใจว่าใครจะตายเพราะใคร ชายหนุ่มผู้เป็นเพื่อนของเขาเคยโมโหอยู่พักหนึ่ง
แต่ก็เหมือนแค่ชั่วแวบเดียวเท่านั้น ไม่มีความอาลัยอาวรณ์ ทว่าเมื่อธิติเอ่ยถึงผู้ชายที่มาด้วยชื่อดนัย
ว่าพัวพันกับพ่อเขาและพ่อของธิติก่อนที่ทั้งคู่จะเสียชีวิตทำให้สายตาของสรานนท์เปลี่ยนไปจับจ้อง
ยังใบหน้าหนุ่มใหญ่ผู้นั้นทันที

“นี่หรือ ลูกชายนายสมภพน่ะครับคุณธิติ” คนพูดหันไปเอ่ยกับธิติโดยไม่เกรงใจสรานนท์แม้แต่น้อย
“ดูดีกว่าพ่อหน่อยนึงแต่เอาเข้าจริงก็อาจไม่ดีไปกว่ากันสักเท่าไร” เสียงเหมือนคนลิ้นจุกปากนั้น
ยังคงปรามาสต่อไป

เพลงพิณแอบแตะแขนสรานนท์อย่างเป็นห่วง ในขณะที่พลกระแอมออกมาอย่างไม่ใคร่ชอบใจ

“เสี่ยกำธรนี่ก็น่าสงสาร คบเพื่อนเนรคุณ แบบนั้นสู้คบค้ากับผมยังจะมีประโยชน์กว่าเอาเงินไปเสีย
กับพวกขี้ครอก จมหายทั้งต้นทั้งดอก แถมแม้แต่ชีวิตก็ยังไม่เหลือ”

แววตาของสรานนท์หรี่ลงวูบ เย็นเยียบและคมกริบราวกับมีดน้ำแข็ง เขามองหน้าคนพูดนิ่งๆ
ในขณะที่ดนัยเองไม่ได้สบตาตอบขณะที่ปากพล่ามพูดไปเรื่อยอย่างไม่เห็นสำคัญ เห็นได้ชัด
ว่าหมอนี่คงมีเรื่องไม่ชอบหน้าทั้งยังเห็นพ่อเขาเป็นเศษขยะข้างทางเพียงใด และก็ไม่ได้ตีค่าว่า
สรานนท์มีค่ามากน้อยไปกว่าบิดา ทั้งไม่ฉลาดพอจะหันมาจับสังเกตคนที่ตนกำลังกวนตะกอน
ในใจให้ขุ่นพล่านว่ามีแววตาน่าสะพรึงเพียงใด

เพลงพิณรู้สึกว่าพี่นนท์ของเธอหายใจแรงขึ้น หญิงสาวยึดแขนชายหนุ่มไว้ กลัวว่าพี่นนท์จะ
ขาดสติ เหมือนอย่างคราวที่เขาชกธิติจนมีเรื่องมีราวกันในครั้งก่อนแล้วก็แพ้ไม่เป็นท่า
แม้ตอนนี้จะดูว่าเขาคงไม่แพ้ง่ายเหมือนแต่ก่อน

“อย่างห่วง พี่เข็ดแล้ว คงไม่ทำอะไรคนในที่โล่งโจ้งแบบนี้หรอกเพลง” ชายหนุ่มข่มเสียงเครียดเอ่ยขึ้น
ใช่ เขาไม่ทำตรงนี้ แต่ถ้าลับหลังคนอื่นๆ ละก็ ไม่แน่...

“ไปกันเถอะเพลง นนท์ เราอยู่แถวนี้นานแล้ว เข้าไปดูความเรียบร้อยในงานเสียหน่อย”
พลตัดบทแล้วออกเดินนำไป เห็นได้ชัดว่าไม่พยายามรักษามารยาทเช่นกัน
แม้ท่าทางแขกของธิติที่ชื่อว่าดนัยออกจะดูใหญ่โตไม่น้อย



อสิตา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 19 ส.ค. 2555, 17:49:29 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 5 ต.ค. 2557, 07:35:49 น.

จำนวนการเข้าชม : 1358





<< บทที่ ๕ จุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลง(ต่อ-จบบท)   บทที่ ๖ แววตาที่เปลี่ยนไป(ต่อ-จบบท) >>
อสิตา 19 ส.ค. 2555, 17:50:58 น.
ฮี่ๆๆๆ เมาแล้ว ดันนึกว่านี่วันจันทร์
เดี๋ยวตอนต่อไปมาลงวันพุธนะคะ รอนางนพมาศณัฐอีกหน่อยน้า อิอิอิ


ใบบัวน่ารัก 19 ส.ค. 2555, 18:17:41 น.
ขอเป็นนางนพมาศแทนได้ปะ อยากกกม๊าก
ขออีกนิด คลายปม ปริศนาบ้างก็จะดี


อสิตา 19 ส.ค. 2555, 18:36:07 น.
หุหุ นั่นสิคะคุณใบบัว... คลายปมช้าไปหน่อยแต่กำลังจะเริ่มแล้วละ
ตอนรีไรท์คงต้องยกมาปล่อยไว้ระหว่างทางมากกว่านี้ ยังไม่ได้เรียบเรียงให้ดี


Chii 19 ส.ค. 2555, 18:51:01 น.
ตอนนี้มันสั้น หรือเค้าอ่านเร็ว??

ตอนหน้าชื่อตอนอะไรอ่ะ? แววตาเปลี่ยนไป ใจเปลี่ยนตาม??


lovemuay 19 ส.ค. 2555, 19:20:18 น.
พี่พลดูหล่อขึ้นทุกวัน อิอิ
ฮา ตรงที่บอก "แกล้งอย่างจริงใจ" น่ารักจังเลยค่ะ


goldensun 19 ส.ค. 2555, 20:18:00 น.
แบบทีแกล้งนนท์ได้ แต่คนอื่นห้ามรึเปล่า คุณพล
ไม่ค่อยมีใครจับแววตาที่เปลี่ยนไปของนนท์แล้วกลัวเลยนะคะ
เวลาในเรื่องผ่นเร็ว แต่เรื่องยังอึมครึมเป็นฟ้าครึ้มฝน ค่อยๆคืบ


sai 19 ส.ค. 2555, 21:20:02 น.
ตอนนี้มาช่วยจับไก่

ผลกำไรหลากด้านของสำนักพิมพ์---หลาย , หลากหลาย

ขมไทยแปลกๆ--- ขนมไทย

พลก็สามารถระบุได้ว่าแม้จะเจอหน้ากันบ่อยๆ กับเขาธิติ(เขากับธิติ)เหมือนกลายเป็น...

“ไงครับ อยู่กันพร้อมหน้าเลยนะ ผู้บริหารคนสำคัญถึง(ทั้ง)สามของอารยกิจ”

ปล.อยากเห็นณัฐอ่ะ


สร้อยดอกหมาก 19 ส.ค. 2555, 22:07:57 น.
เป็นหนังสือเมื่อไร อย่าลืมส่งข่าวให้สร้อยด้วยนะคะ ตอนนี้สารภาพตรงๆว่าไม่มีเวลาตามแล้ว อ๊ากกกกก!!!


หมูอ้วน 19 ส.ค. 2555, 23:26:46 น.
ไรเตอร์ สู้ ๆ ค่ะ


ameerahTaec 20 ส.ค. 2555, 10:40:46 น.
ช่วยหาคะ อิอิ "อย่า(ง)ห่วง พี่เข็ดแล้ว..." // ตาดนัยนี่เป็นใครงิ บังอาจมาพูดจาเสียดสีพี่นนท์ ฮึ่มๆๆ พร้อมปกป้องพี่นนท์เต็มที่


ling 20 ส.ค. 2555, 10:59:37 น.
พี่นนท์ใช้จิตพรายแบบนี้ ภายหลังจะมีผลร้ายอะไรหนอ


shadha 20 ส.ค. 2555, 11:09:31 น.
แวะมาชวนพี่พลปูเสื่อรอเจ้าณัฐ
(me: ปูเสื่อ เชิญพี่พลนั่ง นั่งข้างๆพี่พลและกระแซะซบ >,<)


patok 20 ส.ค. 2555, 15:02:24 น.
อยากอ่านตอนหน้าแล้วอ่ะ แค่จิ้นเองก็รู้ว่าพี่พลจะหล่อขนาดไหน >๐<


Zephyr 20 ส.ค. 2555, 18:55:47 น.
เอ๊ะ ตอนนี้มันดูเพลนๆ นะมะม้า
นางนพมาศล่ะ ไปไหนแล้ว มีแต่กระทง กะพี่พล พี่นนท์ (จงใจลืมอีกคนอย่างสุดๆ) หึหึ
แล้วจิตพรายนี่ เมื่อไรพี่นนท์จะชินล่ะ ขนาดไม่ชินยังใช้ได้ขนาดนี้ ตอนรวมกันแบบพอดี ไม่วุ่นวายกว่านี้เรอะ
ตาดนัยนั่น สงสัย ปากวอนนะเนี่ย


silverraindrop 21 ส.ค. 2555, 11:19:44 น.
มาแล้ว / รายงานตัวคร้า


SunSeed 3 ก.ย. 2555, 11:08:29 น.
กลับมาแว้วววว พี่แป้ง ส่วนพี่นนท์ จัดการมันซะไอ้คนปากไม่ดีนั่นน่ะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account