ลิขิตพราย โดย วงแหวนดาวเสาร์ สนพ.อรุณ
ชายหนุ่มคนหนึ่งเดินทางรอนแรมไปในหนทางมืดมิด
มีเพียงเสียงหริ่งเรไรและหิ่งห้อยนำทาง
เขากำลังหนีจากสังคม ผู้คน มาเพื่อตามหาสิ่งหนึ่งซึ่งถูกซุกซ่อนเอาไว้ในป่าลึก... “บ่อพราย”
ตำนานเล่าขานกันว่าหากใครได้ส่องดูเงาตนเองที่บ่อในคืนเดือนมืด คนผู้นั้นจะมองเห็นสิ่งที่ตนตามหา

พี่นนท์คนใหม่กลายเป็นอีกคนที่เพลงพิณไม่รู้จัก จากผู้ชายขี้แพ้ สุภาพ อ่อนโยน ไม่สู้คน
กลายเป็นกระด้าง ปราดเปรียว สนุกกับชีวิตในเวลาที่ได้เอาชนะทุกสิ่งด้วยแววตาทรงพลังจนน่าขนลุก
ชั่วเวลาไม่กี่เดือนสรานนท์กลับกลายจากคนหมดตัวไปเป็นตากล้องมาแรงที่สุดในขณะนั้น
เขาเปิดนิทรรศการภาพถ่ายชวนพิศวงและดูสูงค่าจนเหล่าเศรษฐีแทบจะเหยียบกันเพื่อแย่งชิงไปไว้ในครอบครอง
ด้วยแรงดึงดูดแปลกประหลาดราวกับไม่ใช่พลังจากน้ำมือมนุษย์
Tags: สรานนท์ เพลงพิณ ธิติ พล กมลณัฐ บ่อพราย

ตอน: บทที่ ๗ คืนพรายกระซิบ...

คุณอะมีราห์แท็คฯ – หุหุ หึหึ พี่พลก็ยังเก๊กต่อไปส่วนพี่นนท์ก็จ้องหาจังหวะใช้พลังแบบโกงๆ แย่จริงน้าสองคนนี้

คุณชีจัง – ก็เห็นอยากกินขนมตลอดในเฟซ... พี่พลไม่ตามตอแยนัตตี้ร็อก ก็แค่ทำงานใกล้กันก็เลยอยากแกล้ง ชิชิ

คุณโกลเด้นซัน – ช่วยจับไก่หลุดอีกนะค้า อสิตากำลังจะตายด้วยไฟเผางานลามขึ้นหัวก่อนสิ้นเดือน ตอนนี้คุณพลฮึดสู้หน่อยนึง แต่ดูเหมือนจะแพ้นะนี่

คุณซาอิ แกะน้อยนุ่มแน่นหางปุ๊กๆ – อย่าล้มทับเค้าน้า ตัวจริงหุ่นอวบใช่ม้ายนี่(เหมือนคนเขียนเลย หาพวก 555)
หุหุ ตอนนี้น่าจะชื่อเสน่ห์นางตานี

คุณเฟอร์ นักขัดล้างโป๋ยเสือด้วยพลังล้างรถ – พี่พลปากเสียเพราะมีไฝ เอ๊ยขี้แมงวันที่ปาก อุ๊ย ที่แก้มอะจิ -_,-

คุณเลิฟหมวย – ตะลึง ตึงๆๆ ส่วนคู่หนูเพลงก็บรรยากาศพาไป แง้วๆๆ อยากลอยกระทงกับหนุ่มแว่นจังน้า

คุณน้องมีน – อะไรอ่า ก็สั้นอ่า ก็คนเขียนไม่มีเวลา ต้องรีบปั่นนิยายยยยย แง่วววว

คุณฮอบบิท – เขียนเรื่องนี้ไปก็อิจฉาสาวๆไปค่ะ ตอนหลังคู่พี่นนท์ก็ร้อนแรงซ้า คู่ณัฐก็น่ารัก เลือดกำเดาไหล

คุณสฎาลูกสาวชั้น – ง่า แม่ไม่มีเวลาเคาะบรรทัดมาลง เอ๊ยๆๆ เขียนใกล้จบแล้ว กลัวสมาธิหลุดมากๆๆ เหลืออีกบทเดียวเอง

คุณหมูอ้วน – หุหุ มนตร์รักนางตานี กับชายผู้มีไฝที่แก้ม(หรือปาก) ไม่ไหวแระ พี่นนท์ก็ยั่วน้องเพลงน่าดู

คุณหลิง – ผลักกันแกล้งค่ะ สุขใจ... หุหุ แกล้งไปแกล้งมาก็รักกัน อิ๊ววๆๆ

คุณเรือใบ – ออกมาแล้วสินะคะ... /รีบชักใบเรือขึ้น จะได้ตามอ่านอย่างติดลมมมม

คุณก้อนหิน – หุหุ เรื่องพรายนี้เขียนๆ ไปดูจะเน้นรักหนุงหนิงมาตีเสมอกับลึกลับ แถมจะกลายเป็นโรแมนติกคอมเมดี้หน่อยๆ เพราะตัวละครมีนิสัยตลกโดยมิได้ตั้งจายอีกน่ะค่ะ



บทที่ ๗ คืนพรายกระซิบ

หลังประกาศผลรางวัลเรื่องสั้นและบทกวีเชิงอนุรักษ์ไทยที่แขกผู้มีเกียรติในงานรอคอย
การประกวดนางนพมาศรอบแรกก็เริ่มขึ้น สาวสวยเกือบสามสิบคนเดินขึ้นเวทีมาอวดโฉมทีละคน
ก่อนจะไปยืนเรียวแถวหน้าแฉล้ม แล้วผลก็ออกมา กมลณัฐกับปลาผ่านเข้ารอบสิบคน
อย่างไม่ต้องสงสัย รายแรกอาจเพราะรูปโฉมล้วนๆ ส่วนสาวปลาผ่านด้วยลีลาโดดเด่น
และรอยยิ้มสดใสมัดใจกรรมการ สาวๆ ทั้งหมดนี้มาจากฝ่ายต่างๆ ของทั้งองค์กร
บางฝ่ายที่มีคนอยากลงประกวดมากกว่าหนึ่งเจ้านายก็มักตามใจ ถือเป็นสีสันให้กับงาน

หลังจากนั้นก็พักยก ก่อนเวลาตัดสินรอบดึกมีการให้ลงคะแนนเลือกสาวงามในดวงใจ
เพื่อแจกรางวัลใหญ่กับผู้ร่วมกิจกรรมโดยหวังจูงใจให้คนอยู่จนงานเลิก



เพลงพิณชวนสรานนท์ออกมาเล่นเกมนอกตึกนิทรรศการด้วยเห็นว่าพี่พลของตนมีอาการ
เหม่อลอยและต้องการจะป้วนเปี้ยนอยู่แต่ข้างในตึกนั้น เขาอ้างว่าการลอยกระทง
เป็นเรื่องของเด็กและทำให้โลกร้อน แม้วันนี้จะอนุโลมให้ชาวบ้านชาวช่องหนึ่งวัน
แต่สำหรับตัวเองขอไม่ลอยดีกว่า

“ถ้ามีแฟนขี้คร้านจะวิ่งไปถึงท่าน้ำก่อนใคร”

เพลงพิณพูดจี้ใจดำแล้วรีบหนีไปลอยกระทงกับพี่ชายปลอมๆ โดยไม่ง้อพี่ชายแท้ๆ
ทั้งคู่พากันไปเอากระทงซึ่งจ่ายเงินจองไว้ล่วงหน้าแล้วฝากไว้ที่ร้านขายกระทง
ก่อนหลีกผู้คนไปลอยกระทงกันสองคนที่ท่าน้ำเจ้าพระยาซึ่งอยู่ติดบริษัท
ท่าใหญ่มีพนักงานมาลอยกันคับคั่ง แต่เพลงพิณพาสรานนท์มายังท่าเล็ก
ซึ่งค่อนข้างเป็นที่ส่วนตัวและใกล้ตึกนอนของอากงซึ่งสร้างไว้เผื่อๆ
บางทีเพลงพิณทำงานจนดึกก็ค้างที่นี่บ้าง พาลูกน้องสนิทๆ อย่างกมลณัฐมาค้างบ้าง
เพราะมีห้องนอนให้แขก หญิงสาวมองคนข้างกายวักน้ำส่งกระทงใหญ่ที่ลอยด้วยกัน
ออกไปไกลจากท่า ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่าที่เห็นแรงวักของสรานนท์ดูจะต้านแรงน้ำ
ได้มากกว่าของใครๆ ที่เห็นไกลๆ กระทงสวยจึงลอยออกไปห่างจากฝั่งได้อย่างดงาม
ในระหว่างนั้นเขานิ่งเงียบ คนอย่างเขาจะคิดอธิษฐานอะไรไปกับกระทง เธออยากจะรู้เหลือเกิน
วั
นนี้แม้เป็นคืนเพ็ญแต่ฟ้าก็พอจะเห็นดาวระยิบอยู่ทั่วไป แสงจันทร์แสงดาวต้องผิวน้ำสกาวสวย
ลมรินๆ โชยชื่น แต่ก็ไม่แรงพอจะเป่าเทียนในกระทงให้ดับลง

“ตกลงว่าพี่นนท์ไปเสาะหาหีบเพลงนั่นมาจากไหนคะ ไม่ยอมแง้มเสียที
แต่มันดู...พิเศษมากเหลือเกิน”

“สั่งทำน่ะสิ แต่ว่าเอามาตกแต่งเอง พี่ก็พอจะมีฝีมือเหมือนกันนะ” เขาหนุ่มตอบยิ้มๆ
พลางใช้นิ้วชี้ดันแว่นตรงสันจมูกให้เขยิบเข้าที่

เพลงพิณมองคนข้างกายอย่างทึ่งๆ ในบุคลิกที่เปลี่ยนไปมากของเขา ขนาดท่าขยับแว่น
ยังดูดีจนอยากมองตามไม่คลาดสายตา “บางคนเขาบอกว่าพี่นนท์เปลี่ยนไปมาก
ถ้าไม่ใส่แว่นเสียอีกอย่างคงไม่มีอะไรเหมือนเดิมเลย”

“ก็เลยใส่ไว้ไง แบบไหนดูดีกว่าล่ะ” น้ำเสียงชายหนุ่มผู้มักวางท่าขรึมมากกว่ายิ้มแย้มมีแวว
สนุกสนานและเป็นสุขเมื่อเอียงตัวถามคนข้างกาย

“กะ ก็ดูดีทั้งหมด อย่างอื่นดูดีแล้วนี่ แต่ใส่ไว้ก็แบบนี้แหละ ได้มองไปเห็นนางนพมาศบนเวทีชัดๆ ไง”

เพลงพิณขยับห่างออกมานิดหนึ่ง ไม่ใช่เพราะรังเกียจ แต่ด้วยความเขิน ทว่าสรานนท์กลับ
เข้าใจไปอีกทาง เธอคงรู้สึกว่ามันไม่เหมาะสม ก็เขามันเป็นได้แค่พี่ชายเท่านั้นนี่

“พี่กลัวจะเห็นความสวยมากเกินไปจนมึนมากกว่า นางนพมาศอะไรไม่เห็นอยากดู
ให้เจ้าพลมันดูของมันไปเถอะ ถอดแว่นเก็บเสียดีไหม” สรานนท์ว่าพลางแกล้งทำท่าจะเอาจริง
เขาไม่อยากให้เพลงพิณมองตนเป็นคนเดิม เขาอยากให้บางอย่าง หลายๆ อย่างเปลี่ยนไป...

“ลืมไปว่าตอนนี้สั้นอยู่นิดหน่อยเองนี่คะ ถึงถอดก็คงตบะแตกอยู่ดี” เพลงพิณหัวเราะ

“อยากเห็นเพลงเป็นนางนพมาศมากกว่า พี่จะได้ช่วยเป็นหน้าม้า...แต่วันนี้ก็สวยใช้ได้นะ”
สรานนท์แกล้งเดินมองสำรวจวนไปรอบตัวเพลงพิณบนระเบียงท่าน้ำแคบๆ คล้ายกำลัง
หาดูว่าจะพบตำหนิตรงไหนหรือไม่

หญิงสาวกลั้นใจ รู้สึกไม่คุ้นชินกับการกระทำของเขาเลย เมื่อพี่พลบ่นว่าเพื่อนเปลี่ยนไป
โดยที่สัมผัสได้จากตอนคุยโทรศัพท์ หญิงสาวก็บอกว่าเขาเป็นแบบนี้นานแล้ว เมื่อณัฐ
ออกความเห็นว่าพี่นนท์ดูแปลกเมื่อวันที่เข้ามาเก็บของ เธอก็นึกสงสัยว่าแปลกอย่างไร
แต่พอเจอเขาจังๆ เช่นนี้อีกครั้ง เพลงพิณก็ชักรู้สึก...

ชายหนุ่มเห็นท่าทีของหญิงสาวก็พอจะเดาว่าอำนาจสะกดคงคลายลง จิตพรายที่เขาได้มา
แม้จะใช้บังคับคนได้ก็มิใช่ถาวร หากมีอะไรมาสะกิดย่อมคลายลงและกลับเป็นดังเดิม
เขากำลังหาวิธีแก้ไขเรื่องนี้อยู่...

ก่อนที่สำนึกฝ่ายดีจะเข้ามาแย้ง...ทดลองสิ สะกดเธออีก เวลาทำกับ ‘เหยื่อ’
เขาใช้อารมณ์คนละรูปแบบกับที่ทำกับเพลงพิณ คนที่เขามีความรู้สึกอ่อนหวานด้วย
ก็มีแต่เธอเท่านั้น สรานนท์บอกตัวเอง เขาจำเป็นต้องลองใช้จิตพรายในทุกๆ รูปแบบ
หากจุดนี้ยังทำไม่ได้ ถ้าเจอสถานการณ์จำเป็นต้องใช้มัน จะทำอย่างไร

เมื่อเห็นว่ายามนี้ไม่มีใครมารู้เห็น มือใหญ่หนาของคนที่อ้อมไปยืนด้านหลังร่างบาง
จึงเอื้อมไปสัมผัสพวงผมน้ำตาลนุ่มสลวยแผ่วเบา ก่อนจะไล่ปลายนิ้วเลยไปถึงไหล่ละมุน
อันพ้นลูกไม้ของเสื้อคอปาดขึ้นมาให้แตะต้องผิวเนื้อเนียน

เพลงพิณวูบวาบกับสัมผัสนั้น แต่ร่างกายกลับไม่อยากขยับปัดป้อง หญิงสาวเอี้ยวหน้ากลับไป
เกือบจะสัมผัสกับจมูกคมๆ ที่ก้มมาอยู่ใกล้นิดเดียวจนลมหายใจเป่ารดแก้มนวล

เขาจะบอกออกไปว่าตนต้องการจะเป็นมากกว่าพี่ชายในเวลานี้ กับเรื่องนั้นเพลงพิณคงจะรับไม่ได้
เพราะที่ผ่านมาเราสองคนเป็นแค่พี่น้องมาตลอด ใช่ไหมเพลง...

“พี่นนท์...” เพลงพิณกระซิบเสียงอ่อน ความรู้สึกสั่นไหวนี่คืออะไร รู้แต่ว่าอยากจะเอนเข้าหา
คนตัวสูงให้ใกล้ขึ้นอีกนิด ชิดขึ้นอีกหน่อย ถ้าไม่ติดว่ากลัวใครผ่านมาเห็นเข้า

มือแข็งแรงจับไหล่บางให้หมุนกลับมาหาโดยไม่ทันตั้งตัว
“เลิกใส่แว่นดีไหม เพลงจะได้มองตาพี่ให้ชัดๆ ไง”

ตั้งแต่เขามีอำนาจ เขาก็ได้ทุกอย่างที่ต้องการมาอย่างไม่เคยผิด คว้าทุกสิ่งมาไว้ในมือ
ได้อย่างไม่เคยพลาด แล้วทำไมกับน้องน้อยที่มีผลกับใจคนนี้เขาจะต้องไม่ได้ดังหวัง
ชายหนุ่มคิดถึงอดีตเมื่อนานแสนนานมาแล้ว ที่เขาไม่กล้าแม้แต่จะชอบเธอ
และก็ได้แต่สมเพชตัวเอง เขาไม่ใช่คนเดิมคนนั้น เขาจะพิสูจน์ว่าเขากล้าพอ

มือหนึ่งของชายหนุ่มขยับถอดแว่นออกจริงๆ เพลงพิณมองหน่วยตาคมของคนตรงหน้า
พี่ชายคนนี้ตาสวยมากจริงๆ ขนตาเขาหนา ยาว แล้วก็เข้มจนเธอยังอาย
แลดูชวนซึ้งทั้งยังมีแวววอนขอบางอย่างอยู่ในที เขามอง มอง แล้วก็มอง

“อื้อ... พี่นนท์อย่าจ้องเพลงแบบนั้น” หญิงสาวพยายามดันอกกว้างออกห่าง

“ถ้าพี่อยากมองแล้วเพลงจะทำไม”

ชายหนุ่มกลั้นหายใจ เขากำลังทำสิ่งที่ไม่ถูก ในเวลาที่ไม่ควร แต่แววตาเขินอาย
ซึ่งมองตอบเขาของสาวน้อยตรงหน้า กำลังจุดประกายบางอย่างให้วาบขึ้น
ความปรารถนา...
เขามิได้สะกดเธอเต็มที่นัก แต่ค่อยๆ สะกดย้ำทีละน้อยๆ แบบนี้น่าจะได้ผล
และทำให้รู้สึกต่อต้านน้อยกว่า เมื่อความรู้สึกนั้นซึมลึก บางทีคงยากจะถอนตัว

ทว่าวันนี้เป็นคืนเพ็ญ พระจันทร์ส่องแสงกระจ่าง ปัดเป่าทำลายอำนาจพรายลึกลับของเขา
ลงกว่าครึ่ง แม้พยายามสะกดจิตเจ้าของร่างแน่งน้อยเพลงพิณก็ยังมีท่าทีสับสนเห็นได้ชัด
ชายหนุ่มถอนใจ เงยมองพระจันทร์ นิ่ง นาน หญิงสาวเห็นดังนั้นก็มองตาม

อย่าว่าแต่เรื่องของเธอ วันนี้ยังมีเรื่องสำคัญอีกอย่างที่สรานนท์เองต้องใช้พลังที่มีในตนจัดการให้สำเร็จ
ดนัย... มันอาจรู้เรื่องพ่อของเขา เขาจะต้องได้ความจริงอะไรบางอย่าง ภายในคืนนี้...

“คิดอะไรอยู่คะพี่นนท์”

“เปล่า” ชายหนุ่มตอบเสียงเข้ม

ก่อนที่เพลงพิณจะทันได้ซักไซ้ เสียงประกาศออกลำโพงได้ยินไปทั่วก็ดังขึ้น เป็นเหตุให้ต้องเงี่ยหูฟัง

“อีกครึ่งชั่วโมงจะมีการตัดสินรางวัลนางนพมาศ ขอให้กรรมการและผู้เข้าประกวดเตรียมพร้อม”




พลเดินเตร่อยู่ในงาน เขาคุยกับคนนั้นคนนี้ ยังมองไม่พบเป้าหมายซึ่งเรดาห์หาเรื่องกวัดแกว่ง
สอดส่ายเสาะหา แต่ในที่สุดเมื่อใกล้เวลาตัดสินประกวด เขาก็พบแม่ตัวดียังยืนอ้อยอิ่งยังซุ้มอาหาร
ท่าทีมีความสุขเหมือนไม่ได้กินอะไรมาตลอดเย็นและกำลังปลดปล่อยเต็มที่
ทั้งที่เดินกระย่องกระแย่งหาความสง่างามน่ารักมิได้เอาเลย

“นางนพมาศอะไรกินมากแบบนี้ เดี๋ยวชุดก็ปริ เข็มขัดดีดใส่หน้า”
พลได้จังหวะเอาก็เล่นงานไม่ให้ฝ่ายตรงข้ามตั้งตัวติด

“หน้าใครคะ ถ้าหน้าคนแถวนี้ละก็ไม่แน่...” กมลณัฐหันมาตอบยิ้มๆ อย่างอารมณ์ดี ยังเคี้ยวขนมตุ้ยๆ

“ฮึ” ชายหนุ่มส่งเสียงเก้อๆ ซ่อนมือทั้งสองของตัวเองไว้ข้างหลังขณะยืดอกมองอีกฝ่าย

“นี่แหละน้า เขาว่าคนมีไฝที่ปากมักปากจัด เพิ่งรู้ว่าจริง” หญิงสาวเปรย

“ไม่ใช่ไฝ ขี้แมงวัน” พลข่มเสียงตอบ ที่ผ่านมาแม่นี่แอบลอบสังเกตใบหน้าเขาด้วยงั้นหรือ
“แล้วก็ที่แก้ม ไม่ใช่ปาก...” ให้ตายเถอะ เขาอยากไปจี้มันออกแทบตาย แต่กงห้ามไว้
บอกว่าไฝ...เอ๊ย ขี้แมลงวันเม็ดนี้เป็นตัวนำโชค ถ้าเอาออกกงคงดุแน่ๆ
ที่สำคัญคนอื่นบอกเขาคงไม่เชื่อ แต่อากงเป็นพวกปากพระร่วง ทักอะไรไม่เคยพลาด
ไม่ว่าเรื่องดีหรือแย่ ชายหนุ่มจึงละไว้เสียคน

“ขี้แมลงวันชัดจังนะคะ แถมดูท่าจะนูนด้วย...” หญิงสาวยิ้มเย้ยหวานสนิท

ชายหนุ่มร่ำๆ ขยับจะเถียง แต่เพราะรอยยิ้มนั้นทำเอาเขาชะงักงัน ข้างในอกข้างซ้าย
กระตุกพิกล ถึงอย่างนั้นพลก็สืบเท้าเข้าไปใกล้พอที่จะมองหน้าตากันได้ชัด

“ก็แค่สีน้ำตาลอ่อนๆ ไม่เห็นจะเข้ม ...ลองจับดูไหมล่ะ ว่าไม่ได้นูนอย่างที่คิดสักหน่อย”
ชายหนุ่มแกล้งเอื้อมมือข้างหนึ่งออกไป คล้ายจะจับมือหญิงสาวมาสัมผัสใบหน้าตน
ทั้งที่มิได้ตั้งใจจะทำเช่นนั้นจริงๆ เพียงแค่ยั่วให้อีกฝ่ายถอยหนีเท่านั้น

กมลณัฐสะดุ้ง ก้าวถอยหลังไปก้าวหนึ่ง รีบกลบเกลื่อนความเขินด้วยไม่คิดว่าคนตรงหน้า
จะพูดแบบนั้นออกมา “ทำไมฉันจะต้องทำแบบนั้นด้วย” หญิงสาวเบ้ปากอย่างกวนๆ
จนแทบหมดสวย
แต่คนที่เคยชินกับปฏิกิริยาของผู้หญิงอย่างพลก็ยังจับได้ว่าอีกฝ่ายกำลังเขินเขาเข้าแล้ว

“เดี๋ยวนางนพมาศก็จะตัดสินอยู่รอมร่อแล้ว ยังมัวมากินอยู่นั่นแหละ”

“นั่นสินะคะ” คนกำลังเงอะงะทำท่าเหมือนกับเพิ่งนึกขึ้นได้ ขอแค่อะไรสักอย่างที่จะพาตนเอง
หนีไปจากสถานการณ์ชวนใจสั่น คนคนนี้หน้าตาเหมือนคุณเพลง พูดง่ายๆ ก็คือ ดูยังไง
ก็ดูดีน่ารักในสายตากมลณัฐ แต่ที่ต่างออกไป เขาเป็นผู้ชาย และที่สำคัญ เขากำลังมองเธอ
ด้วยรอยยิ้มน้อยๆ ทั้งเสนอตัวเองมาใกล้ชิดอย่างดูเหมือนแกล้งเล่นมากกว่าอื่น

หญิงสาวผู้กำลังหนียัดกระทงอาหารใส่มือข้างนั้นของพลที่ยื่นออกมาข้างหน้าก่อนจะรีบรุด
จ้ำอ้าวไปอย่างที่เรียกว่าคนมองตามได้แต่กังวลว่าอีกฝ่ายจะตกส้นสูงล้มกลิ้ง

ชายหนุ่มส่ายหน้า เขายังไม่ทันจะให้ขนมสายไหมสีเขียวอ่อนเข้ากับชุดไทยที่เธอสวมเลย
พลซ่อนมันไว้ข้างหลัง ตั้งใจจะบอกว่าเขาเอาใจช่วยเธอในรอบตัดสิน เพราะไหนๆ
อีกฝ่ายก็เป็นลูกน้องที่เขาเองดูแลใกล้ชิดมาทั้งเดือน อย่างน้อยก็ควรจะมีไมตรีจิตต่อกันมิใช่หรือ

ลมแห่งความผิดหวังคล้ายพัดมาจางๆ เขาอยากจะมอบมันให้เธอจริงๆ
สายไหม... สายไปไหม ที่จะขอเริ่มต้นด้วยการเป็นเพื่อนที่ดี แต่พอแม่สาวห้าวตัวยุ่ง
ต่อปากเขาทีไรนี่สิ พลเองก็ไม่เคยพูดอย่างที่ใจต้องการออกไปได้สักที

แต่ยังไม่สายหรอก มันเพิ่งจะเริ่มต้นเท่านั้นเอง


ชายหนุ่มถอนใจ แล้วก็นึกขึ้นได้ว่าเขาเองก็เป็นกรรมการ จำต้องตามผู้ประกวดไปเหมือนกัน
เพราะเมื่อครู่ใหญ่ๆ มีประกาศเรียกแล้วว่าอีกแค่ครึ่งชั่วโมงเท่านั้น


แต่จังหวะนั้นเอง ธิติเดินเข้ามา...

“ไงพล ตั้งแต่แกกลับจากออสเตรเลียยังไม่ได้คุยกันเลย”
พลยิ้มมุมปาก เกือบจะถามออกไปอย่างใจคิด ว่าอีกฝ่ายอยากคุยกับเขาด้วยหรือ
แต่สิ่งที่ชายหนุ่มพูดกลับเป็น “อืม ไว้คงได้คุย แต่ตอนนี้ต้องกลับเข้าไปข้างในแล้ว
บังเอิญว่าเป็นกรรมการตัดสินประกวด”
ชายหนุ่มยัดกระทงขนมไทยในมือให้ธิติที่ยืนงงนิดๆ ยังอิ่มอยู่...
แต่เมื่อนึกได้ว่าเป็นขนมที่กมลณัฐเป็นคนกินค้างไว้ก็เกิดหวงขึ้นมา กินสักหน่อยก็ได้

ดังนั้นกรรมการหนุ่มผู้ยึดมั่นในหน้าที่จึงหอบทั้งถุงสายไหมและกระทงขนมกลับเข้าไปในตึกจัดงาน
โดยมีสายตาโกรธๆ ของธิติมองตามไม่วางตา




{ถ้าชอบใจ ^.".^ เกาคางและลูบLikeให้หนูนะ}



อสิตา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 27 ส.ค. 2555, 18:10:57 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 5 ต.ค. 2557, 07:37:35 น.

จำนวนการเข้าชม : 1426





<< บทที่ ๖ แววตาที่เปลี่ยนไป(ต่อ-จบบท)   บทที่ ๗ คืนพรายกระซิบ...(ต่อ-จบบท) >>
lovemuay 27 ส.ค. 2555, 18:47:15 น.
อ้าวๆๆ กรรมการคนนึงเริ่มจะลำเอียงซะแล้ว อิอิ


goldensun 27 ส.ค. 2555, 19:13:54 น.
ยืนเรียวแถวหน้า เรียงค่ะ
สองหนุ่มเกิดใจตรงกัน จะผูกไมตรีกับสองสาว แต่ก็ยั้งๆไว้ทั้งคู่เลย
นนท์ก็ยังเจียมตัวอยู่นิดๆ ส่วนพล จะจีบ ไหงกลายเป็นกัด


sai 27 ส.ค. 2555, 20:06:32 น.
ฮั่นแนพี่พลลล หลงเสน่ห์นางตานีถึงขนาดเอาสายไหมมาจีบแต่ก็นะปากร้ายไม่เลิกก็เก็บไว้กินเองละกัน หุหุ

ส่วนพี่นนท์ สะกดเพลงเยอะๆนะเค้าชอบบ


ใบบัวน่ารัก 27 ส.ค. 2555, 20:38:09 น.
ระวังด้วยนะ


Zephyr 28 ส.ค. 2555, 00:15:52 น.
พี่พลจะจีบหรือชวนทะเลาะอ่ะ เอาสักอย่างสิ แหม นางตานี เคลิ้มใช่มะล่ะ หลงได้โดยไม่ต้องพึ่งพรายใดๆ อิอิ
พี่นนท์ จะสะกดเพลงได้เร้อ อำนาจถดถอยเพราะแสงจันทร์นี่เอง แหม พี่ก็รอคืนเดือนมืดแล้ว ฉุดเลย จบ!!!
ไม่ต้องสะกดให้เมื่อย...ตาด้วย 5555


ameerahTaec 28 ส.ค. 2555, 10:28:18 น.
นั่นไง พี่พลเริ่มคิดแล้วสินะ คึคึ แต่ปากยังคมเหมือนเดิมเลย 55555+ // คุณพี่นนท์จะทำอะไรเพลงหน่ะ


ling 28 ส.ค. 2555, 12:40:14 น.
โหย พี่นนท์ไม่ต้องใช้อำนาจพรายกับน้องเพลงก็ได้ แค่นี้น้องเค้าก็จะละลายอยู่แล้วจ้า


หมูอ้วน 28 ส.ค. 2555, 14:42:45 น.
ตามลุ้นคู่พี่พลค่ะ


Okuriumi 28 ส.ค. 2555, 18:13:11 น.
ตามมาลุ้นให้แล้วนะค่ะ ไม่ได้หายนะค่ แต่เข้ามาเม้นไม่ได้


pattisa 28 ส.ค. 2555, 18:43:01 น.
กรี๊ดกร๊าดด เชียร์คู่นายพล เพราะไม่ชอบผู้ชายผมยาว 5555


shadha 28 ส.ค. 2555, 23:31:56 น.
พี่พลเสร็จนางตานี....ฟันธง!!


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account