มายาไฟในดวงตา {ชุดมนตราอัญมณี}สนพ.อรุณ
พลอยตาเสือ มูนสโตน และอความารีน
มรดกที่ย่ามอบให้ทั้งสามสาวจะนำพาลางร้าย ความรัก หรือการผจญภัยมาสู่พวกเธอ
เมื่อพี่สาวคนโตอย่างมัชฌิตาตั้งใจจะเก็บมรดกทั้งของตนเองและน้องสาวเอาไว้
อันตรายบางอย่างกลับคืบคลานเข้ามา หญิงสาวจึงทำได้เพียงหนี !
ก่อนที่ “เขา” เจ้าของพลอยที่แท้จริงผู้น่าสะพรึงจะมาทวงมันคืนไปจากเธอ
Tags: อสิตา มนตรามุกจันทรา ม่านธาราเร้นดาว พลอยตาเสือ มัชฌิตา ชามัล อัคนิวรา

ตอน: ตอนพิเศษ"บทเพลงก่อนนิทรา" /สัมภาษณ์ท่านอัคนิวรา =^-"-^= ตรงคอมเม้นต์

ณ โถงอันมืดมิดซ่อนอยู่ลึกลงมาใต้ภูผา...
แสงกระหย่อมเล็กจากกระถางเพลิงบูชาเทวะแห่งไฟกลับพลิ้วตัวขึ้นสูงได้ดุจรูปร่าง
นารีกำลังวาดลีลาร่ายระบำ แสงน้อยนิดมิพอที่จะทำให้โถงมหึมาสว่างได้กระไรนัก
สายตาบุรุษสองผู้มองตามการเคลื่อนไหวนั้น พวกเขากำลังรอคอยการมาถึงของ
ทายาทแห่งเมห์ฮรา ศานติมัน และอัคนิ
ดังนั้นนี่จึงเป็นความบันเทิงเล็กๆ น้อยๆ ที่ใครบางคนพึงควบคุมไฟตรงหน้า
ให้กลายเป็นนางระบำเพื่อคลายความเบื่อหน่าย ไม่แน่ว่าสำหรับตนเอง
หรือนายเหนือซึ่งเป็นผู้นำสูงสุดแห่งตระกูล

“มิตรา... ข้ารอลูกสงบๆ ได้ แต่หากเจ้าบังคับไฟกองน้อยนี้เพื่อความพึงใจแห่งตน
จงทำต่อไป” น้ำเสียงสุขุมเอ่ยต่อคนในปกครองที่เอ็นดูในฐานะเพื่อนพ้องน้องพี่เติบโต
เคียงบ่ากันมา แม้มิตรา ผู้ดูแลหนุ่มท่าทางมาดมั่นซึ่งมีรอยยิ้มเป็นมิตรสมชื่อ
จะมิได้สืบสายเลือดตรงจากเมห์ฮรา แต่อีกฝ่ายเป็น ผู้ดูแลชั้นพิเศษ ได้รับอนุญาตให้
ใช้นามต่อท้ายว่าเมห์ฮรา จะถือเป็นคนสกุลเดียวกันคงไม่ผิดนัก ดังนั้นเขาที่เป็นผู้นำ
จึงให้อีกฝ่ายมีส่วนรู้เห็นในทุกกิจการ เพื่อรับรู้ เพื่อค้ำจุนเมห์ฮราสืบไปในอนาคต
ที่ตัวเขาเองมองเห็น...



ก่อนที่ความคิดของผู้นำจะดำเนินต่อไป ทั้งคู่พลันสำเหนียกได้พร้อมกันถึงการมาถึง
แม้ผู้มาเยือนจะไม่ให้ซุ่มให้เสียง

“หนุ่มๆ มาถึงแล้ว อ้อ ไม่สิ คนที่เลือกมายังห้องนี้ก่อนมีเพียงผู้เดียว”
มิตราเอ่ยให้ได้ยินกันเพียงเขากับผู้นำตระกูล

บิดาแห่งเมห์ฮราเลือกที่จะเงียบ ทอดสายตาเลยไปมองกระถางไฟหน้าเทวรูป
บัดนี้นางรำไฟเลิกร่ายระบำวูบไหว คืนกลับลงเป็นไฟกองน้อย ขณะที่สหายของเขา
ซึ่งหันหน้าไปทางประตูอยู่แต่เดิมเป็นฝ่ายเอ่ยทัก

“ท่านศานติมันคงเหนื่อยแย่ กว่าจะฝ่าด่านกลต่างๆ ลงมาถึงห้องสำคัญนี้ได้”

สายตากร้าวของผู้มาใหม่วาวโรจน์ในความมืดนั้นโดยมิมีใครเห็น เขาไม่เคยชอบใจเลย
กับการมีผู้ดูแลชั้นพิเศษในเมห์ฮรา การยกไพร่ขึ้นมาตีเสมอนาย ใครกันนะช่างคิด
แต่ถึงอย่างไรชายผู้นี้ก็อาจมีประโยชน์ต่อเขาสืบไปในอนาคต จึงจำเป็นที่จะ
แสร้งมีไมตรีจิตกับมัน “ถูกแล้วท่านมิตรา...มิ่งมิตรของเมห์ฮรา”
ศานติมันที่ยังยืนอยู่ในความมืดตอบออกไปไม่ดังนัก แต่น้ำเสียงเด็กหนุ่มเจือแวว
พึงใจอันปิดไม่มิด “ข้าสามารถลงมาถึงที่นี่ได้ก่อนอัคนิ นั่นอาจทำให้ท่านและ
ท่านบิดาเข้าใจได้ว่า แม้ไฟอันเป็นเลิศก็ยังไม่ทำให้มองเห็นทางได้เท่าสติปัญญา
ไหนล่ะ พลอยราชันกับราชินีที่สัญญาว่าจะให้ข้าได้สบเนตรด้วยเป็นรางวัล”

“ศานติมัน...” ผู้เป็นบิดาขานนามบุตรอย่างเห็นใจทั้งไม่อาจเอ่ยต่อจากนั้น
เขาสบตามิตรา รู้กันว่าโยนให้อีกฝ่ายสานต่อคำที่ตนไม่ต้องการเอ่ย มิสนใจ
ผู้ดูแลคู่ใจที่เหลือบมองเพดานอย่างกระอักกระอ่วน

“บิดาท่านอยากบอกว่า แม้ถึงเส้นชัยก่อน แต่ในบางการแข่งขัน รางวัลนั้นกลับ เอ้อ...อยู่ระหว่างทาง”




เด็กชายย่างเท้าในรองเท้าสานร้อยรัดกระชับไปบนพื้นหินเย็นเยียบด้วยความเร็วคงที่
ไม่มาก หรือน้อยเกินไป... เพียงพอให้ทุกประสาทในตัวตนได้สัมผัสทุกสิ่งที่ทอดวางอยู่
ตามทางผ่าน จากห้องอันสว่างไสวเต็มไปด้วยม่านสีทองซึ่งเขาเพิ่งพ้นมา
อัคนิได้พบตำรามนตร์ที่อาจใช้ขับไล่ธาตุไฟออกพ้นกายผู้อื่น ทั้งยังเรียกธาตุเหล่านั้น
เข้ามาเพิ่มพลังให้ตนได้ เขาจะใช้มันกับใครน่ะหรือ คงต้องเป็นศัตรูของเมห์ฮราไม่ผิดแน่
เด็กชายวัยเจ็ดปีดำริในใจอย่างมาดมั่น

ประสาทหูสำเหนียกถึงเสียงลมครวญยินมาจากที่ไกลๆ ผนังวังเมห์ฮรานี้มีช่องทางให้ลมไหล
ทั้งยังแทรกด้วยศิลาแลงอย่างพิเศษ มีรูพรุนกว้างให้อากาศลอดผ่านและยังใช้ค้ำยันรากฐานวังได้
ด้วยทั้งเหนียวทั้งแกร่งราวสายใยเหล็กกล้ามาผสานอยู่ในเนื้อหิน เขาเดินหลับตามาแทบจะ
ตลอดทางแต่กลับเห็นชัดเจนยิ่งกว่าลืมตา ‘ดวงตาที่สาม’ เนตรอันกระจ่างกลางความมืด
ช่วยส่องนำทางให้ หลังก้าวผ่านกลไกกับดักอันหนึ่งไปด้วยพลังแห่งการมองเห็นล่วงหน้า
อัคนิหันเลี้ยวขวา เพดานค่อยๆ ทอดตัวสูงขึ้นจนปรากฏเป็นโถงกว้างใหญ่อันมีเทวรูปรักษา
แม้ไม่น่าจะเป็นองค์ที่ใหญ่ที่สุด ทว่าเขารับรู้ได้ถึงการมีอยู่ของสิ่งที่ตนตามหา

อัคนิวาดมือทั้งสองออกไปด้านข้าง พลันกระแสลมร้อนดันตัวเขาลอยขึ้นสู่มือใหญ่
เย็นเยียบของเทวรูปหิน มันอยู่ที่นั่นจริงๆ ‘เหรียญพระอาทิตย์’ เป้าหมายที่บิดาให้เขา
และท่านพี่ศานติมันตามหาในคืนนี้ เขาไม่เห็นท่านพี่ อันที่จริงเขาเองยังมิรู้ทาง
ลงไปยังโถงสำคัญซึ่งอยู่ลึกที่สุดด้วยซ้ำ คนฉลาดอย่างพี่คงไปถึงได้ก่อน
แต่สิ่งที่เขาตามหามิใช่เส้นชัย มันคือรางวัล พลอยตาเสือสองเม็ดดั่งเนตรเคียงกัน
บนพักตร์ดวงตราพระอาทิตย์คล้ายจะสำรวลยินดีไปด้วยกันกับเขา

เด็กชายพึงใจในชัยชนะแห่งการมองเห็น แต่คงจะดีกว่า
หากมีอัญมณีใดซึ่งทำให้สามารถหยั่งซึ้งใจมนุษย์ สิ่งที่แปรปรวนบิดผัน
เสียยิ่งกว่าอนาคตอันยังมาไม่ถึง อัคนิเด็กเพียงนี้ยังเข้าใจปัญหาแม้มิอาจหาคำตอบ
ทว่าหลังจากนี้ไป เมื่อเขาเติบโตขึ้นก็อยากจะค้นให้พบสิ่งนั้น
ดวงตาที่ทำให้หยั่งถึงใจคน



ทวนคอมเม้นต์ของเก่าก่อนมาต่อกันที่เนื้อเรื่องส่วนข้างล่างนะคะ
คุณซาอิ
-มาส่งยิ้มแกะงุงิ หุหุ น่าบีบเหลือ....
คุณ Wii
– แฮ่ๆ รออุดหนุนนะค้า รับรองอ่านแล้วไม่ผิดหวัง อ่านตอนพิเศษไปก่อนน่าจะรู้เรื่องนะ เนื้อเรื่องค่อนข้างแยกออกมา
คุณฮอบบิท
- คราวนี้จะลงต่อเนื่องแล้วน่า อย่างอนหุหุหุ
คุณชีจัง
- เค้านั่งเขียนสัมภาษเพิ่มมาด้วยนา
คุณหมูอ้วน
- ขอบคุณที่ติดตามมาตลอดนะค้า อัคนิซึ้งจาย
คุณลุคอาเมะ
-ขออำภัยยย ที่ให้รอเสียนานค่า
คุณบายฟาร์
-เว้นช่วงแบบนี้จะกลับมาเห็นไหมน้า
คุณพธิสา
-ช่วงนี้คนเขียนว่างมากขึ้นค่ะ เลยมีเวลาลงนิยายต่อเนื่อง
คุณเฟอร์
-อย่ากินหัวมะม้านะ คราวนี้มาแล้ว แถมสัมภาษณ์สนองตัณหาให้ด้วยน่ะ อย่าบีบโป๋ยลูกๆมะม้าและลูกๆอัคน้อยเลยนะ
คุณเลิฟหมวย
-ปูเสื่อรอจนหลับไปแล้วคนละรอบสองรอบ ถึงเวลาเขย่าปลุก555
คุณโกลเด้นซัน
-ก่อนนิทราคือสมัยเด็กๆแล้วก็หนุ่มๆเลยค่ะ อิอิอิ
คุณใบบัวน่ารัก
-ขออภัยที่หายไปค่ะ จะมาลงตอนพิเศษต่อให้ครบตามที่บอกละ
คุณหยาดฝนสีเงิน
-ยังอยู่ใช่ไหมคะ แหะๆๆ เค้ามาแล้วน้า หยาดฝนจงตกมารดใจช้านโดยพลัน(เน่าได้อีก)
คุณแพทโอเค
-ชอบเขียนเรื่องแนวที่ได้ใส่คำพูดคมๆค่ะ แต่บางเรื่องก็ไม่มีจังหวะนะ
คุณมะกัน
-ฮือๆๆ อย่าเพิ่งหนีไปน้า ดึง กลับมาๆๆ
เอ้า ต่อ.........


อัคนิ เมห์ฮรา กังวลใจอยู่บ้าง
หลังประจักษ์ผลของภารกิจที่ท่านพ่อกำหนดเมื่อคืนท่านพี่ดูจะเงียบขรึมลง ในแววตา
หาใช่ริษยา คล้ายแฝงความละอายใจบางอย่าง ละอายที่จะสั่งสอนเขาผู้เป็นน้องต่อไป
ในเรื่องที่ยังรู้ไม่เจนจบ ท่านพี่ก็แค่พลาด เพราะฉลาดเกินไป แต่พลังการมองเห็น
และพลังไฟซึ่งเป็นความสามารถของคนในตระกูลนั้นนับว่าไม่อาจทำได้ถึงขั้นอัคนิ
หากยกความสามารถนี้ให้พี่ชายได้ เขายินดีจะให้โดยไม่ลังเลด้วยชื่นชมในตัวพี่อย่างจริงแท้
ท่านพี่น่าจะเติบใหญ่ขึ้นเป็นชายผู้ดีพร้อมยิ่งกว่าเขา แต่ในเมื่อมันคือสิ่งที่ส่งต่อให้กันมิได้
เขาเองก็จะพยายามใช้มันให้เต็มที่

เด็กชายตัวน้อยเลือกหลบออกมาพ้นเวียงวัง
หากพี่ชายไม่สบายใจที่เห็นหน้าข้าในวันนี้ ข้าจะหลีกไปเอง...
หวังว่าเมื่ออาทิตย์แห่งวันใหม่มาถึง ท่านพี่จะเอ็นดูข้าดุจเดิม



ท่ามกลางสุมทุมพุ่มพฤกษ์ใบหนา เขาได้ยินเสียงของพวกมัน เสียงเจ้าตัวเล็กๆ
ขู่คำรามเบาๆ ใส่กันยามตะปบหยอกเย้า นั่นยังไงล่ะ... ขนสีส้มสลับริ้วดำและขาวพองฟู
เจ้าสัตว์นี้สะกดเขาได้เสมอด้วยความงามสง่า พยัคฆ์แห่งป่าผู้อาจอง แต่ลูกๆ ของพวกมัน
ยามเยาว์วัยก็ช่างปุกปุยน่าชมนัก

อัคนิก้าวเท้าออกไปประจันหน้ากับลูกเสือครอกใหญ่พิเศษที่มีถึงสี่ตัว พวกมันมีอันตกตะลึง
ตัวแข็งไปพร้อมๆ กัน แต่แทนที่จะถอยหนี เจ้าสัตว์น้อยที่คล้ายถูกสะกดในทีแรกกลับรู้สึก
ราวได้เจอเพื่อนใหม่ แม้ยังกล้าๆ กลัวๆ แต่เจ้าตัวแรกสุดที่ยังเดินขาไม่แข็งดีนัก
ก็เดินเข้ามาหาผู้มาเยือนเยาว์อายุเฉกกัน มันสะดุดล้มทีหนึ่งเรียกเสียงหัวเราะจากในคอเด็กชาย

เขายิ้มให้พวกมันทางแววตา มันมองตาเขาอย่างเข้าใจและร้อง อ๊าว แหบๆ ออกมาอย่างกับเสียงทารก
อัคนิก้มลงลูบหน้าลูบตาเจ้าตัวที่มีความกล้ามากที่สุดเล่นเบามือ และเพียงไม่นานรอบตัวเขา
ก็รายล้อมไปด้วยสมุนเป็นเสือสี่ตัว

เป็นยามบ่ายที่รื่นรมย์จนกระทั่งเคลิ้มหลับไปด้วยกัน มาตื่นอีกทีก็เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้ามหึมาที่ค่อยๆ
ย่องเข้าใกล้ เด็กชายปรือตา เห็นลายพาดกลอนมหึมาผงาดเงื้อมอยู่เหนือร่างกระจ้อยร่อยของตน
ใกล้...เกินกว่าจะทันหนี ทว่าเขาไม่ได้ทำเช่นนั้น อัคนิเพียงสบตาวาวโรจน์ของนางพยัคฆ์ร้ายแน่วนิ่ง

ข้ามองแม่ของข้าอย่างนี้ และข้าก็มองนางเสือตรงหน้าเช่นที่ลูกเสือจะมองมารดาตน

แววตาของนางพยัคฆ์พลันอ่อนแสงลง ด้วยเล็งเห็นในจิตวิญญาณ...เจ้ามนุษย์ร่างเล็กจ้อยนี้
มีพลังเพียงพอจะคุกคามนางและลูกๆ แต่กลับทำเป็นมิตรมานอนหลับอุตุอยู่ด้วยกันกับลูกนาง
เสียอย่างนั้น กองรวมเป็นกลุ่มก้อนราวพี่น้องคลานตามกันมา นางเสือทอดกายลง
ลูกเสือยังเล็กซึ่งงัวเงียตื่นกันแล้วพากันต้วมเตี้ยมแย่งกันซุกไออุ่นดูดดื่มน้ำนมจากอกมารดา

มนุษย์ตัวจ้อยยืนมองเงียบๆ เมื่อสำเหนียกได้ว่าตนกำลังเป็นส่วนเกิน นางเสือร้องครือในคอ
ออกไปทีหนึ่งเป็นสัญญาณเชิญชวน มนุษย์ตัวเล็กได้ยินนางดังนั้นก็ค่อยๆ เลียงเคียงเข้ามา
ก่อนทอดร่างลงหนุนนอนในอ้อมอกนางเสือซึ่งยังเหลือพื้นที่ว่าง เคียงเหล่าพยัคฆ์ตัวน้อยๆ
ที่ดูดดื่มกษิราจนอิ่มหนำและทยอยเคลิ้มสู่นิทราอีกครา

ชาติพยัคฆ์นี้ไว้ใจข้า ฤานางมีดวงตาที่แหลมคมจึงสามารถมองเห็นไปถึงก้นบึ้งแห่งดวงใจมนุษย์
หากข้ามีเนตรอย่างพยัคฆ์ ข้าจะมองเห็นไปถึงใจของใครๆ ได้บ้างไหม...




ก่อนที่ศานติมันและอัคนิจะถือกำเนิด ตั้งแต่ปี1901 เป็นต้นมา เรียกได้ว่าย่างเข้าสู่ศตวรรษที่ 20
ยุคซึ่งโลกกำลังเปลี่ยนแปลงไปไม่หยุดยั้ง เมห์ฮราต้องก้าวตามให้ทัน เมื่อโตขึ้นมาพวกเขาจึงทำงานหนัก
เป็นความหวังและแสงไฟดวงใหม่ให้ตระกูลแทนบิดาผู้ป่วยไข้ซึ่งกำลังค่อยๆ หรี่แสงลงทุกวัน

ครั้นอายุสามสิบปีบริบูรณ์ อัคนิในเวลานั้นถูกใครต่อใครพากันขนานนามต่อท้ายสรรเสริญว่า
อัคนิวรา ดุจดวงไฟอันเป็นเลิศของเมห์ฮรา นามแห่งความยกย่องเจือคาดหวัง อาวุธที่อัคนีเทวะ
ประทานจากหัตถาลงมาให้ คมของมันอาจไปบาดใจผู้ที่หาญมาเทียบเคียงแม้นว่าจะตั้งใจหรือไม่ก็ตาม



...ภายใต้แสงกระจ่างแห่งเดือนหงาย อัคนิและผู้ติดตามอีกสองค่อยๆ ผุดขึ้นเงียบเชียบห่างจากร่องน้ำ
สู่ท่าเรือสำคัญที่ได้เข้าไปจารกรรมเอาของบางอย่างออกมา บาดเจ็บกันเลือดสาดจนแทบไม่มีแรงไปต่อ
แต่นับว่างานสำเร็จ ได้สิ่งล้ำค่ามาถืออยู่ในมือโดยทิ้งเรือลำมหึมาที่กำลังลุกไหม้ไว้เบื้องหลัง
เรือฝรั่งเศสที่ลอยลำแสดงความเป็นเจ้าของอาณาเขตในแดนตะวันออกไกล ขณะเดียวกัน
พวกนั้นยังยึดเอาสิ่งล้ำค่าซึ่งเคยอยู่ในมือชนเจ้าของแผ่นดินไซง่อนไปถือครอง

ร่างทั้งสามผลุบๆ โผล่ๆ จวนถึงฝั่งน้ำซึ่งเป็นตะกอนทรายปนเลน แต่ขณะที่เท้ายังเหยียบยืนไม่ถึง
ร่างที่รั้งท้ายหลังสุดกลับฉวยโอกาสฉุดร่างที่ว่ายตามเจ้านายลงใต้น้ำเงียบงันก่อนผุดขึ้นมาใหม่
โดยไม่มีร่างเคราะห์ร้ายที่ขวางทาง ตอนนี้เหลือเพียงตนกับเจ้านายเท่านั้น

เจ้านาย...ที่ยามนี้กลายเป็นเป้าหมายที่เขาได้รับคำสั่งให้กำจัด


“ทำอะไร หัสดิน...” เสียงถามเย็นเยียบระคนขึ้งแค้นดังมาจากผู้ที่กำลังย่ำขึ้นฝั่ง
ร่างผึ่งผายสีทองแดงถูกแสงจันทร์กระจ่างอาบไล้สุกสว่าง ทว่าเมื่อใบหน้างามเฉียบ
อย่างบุรุษเต็มตัวหันกลับมา หัสดินหัวใจแทบหยุดเต้นเมื่อเห็นแววตาพยัคฆ์ร้ายดังกล่าว
แต่เขาจะกลัวจะเกรงไม่ได้ ต้องทำให้สำเร็จตามคำสั่งของท่านผู้นั้นและนำสมบัติชิ้นสำคัญกลับไปเอง

เมื่อเห็นอีกฝ่ายไม่ตอบร่างสูงตระหง่านที่กำลังหายใจหอบน้อยๆ จากการว่ายน้ำมายาวนาน
ก็เอ่ยพร่าสืบไป “นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าได้เห็นการสังหารพวกเดียวกันต่อหน้า เจ้ากล้าดียังไง”

“เรียกว่าลับหลัง เมื่อท่านกำลังหันหลัง แล้วก็รู้ตัวช้าเกินกว่าจะช่วยเขาทัน ข้าจำเป็นต้อง
กำจัดอีกมือที่จะยื่นมาช่วยเหลือท่านก่อน...จนเหลือแค่เรา”

“ดูเหมือนว่าเจ้ายังเห็นข้าโมโหไม่พอ”
อัคนิคำรามต่ำอย่างอันตรายเมื่อยินคำพูดที่เหมือนน้ำมันรดราดลงมา

“ท่านแพ้ธาตุน้ำ เพลาข้างขึ้น น้ำล้นตลิ่ง ทั้งที่นี่ยังเป็นทำเลดอนสามเหลี่ยมปากน้ำโขงเช่นนี้
ที่ซึ่งพลังธาตุตรงข้ามท่านหลั่งไหลมารวมกัน ไฟอันเลิศล้ำยังดับได้หากเจอน้ำ หากมีคน
อยากสังหารท่าน...คิดว่าควรเลือกที่ใด”
หัสดินยิ้มเหี้ยมเกรียม

“จริง... ข้าเสียปราณไปกับไอ้พวกหัวทองหลายร้อยคนคืนนี้จนแทบล้มประดาตาย
รวมถึงตัวเจ้าด้วย ดังนั้นจึงต้องเป็นเจ้าใช่ไหมหัสดิน เพราะเจ้าคือผู้มีพลังอำพราง
และลอบสังหารด้วยมีดมือเฉียบ จะให้ข้าสู้กับเจ้าด้วยมีดกระนั้นหรือ”

“ท่านกล้าพอไหมล่ะ” ยามนี้หัสดินที่หวาดกลัวชายตรงหน้าเริ่มใจชื้น

ใช่แล้ว พวกเขาสู้ศัตรูจนปราณแทบสลาย ยิ่งอัคนิซึ่งใช้กำลังตนเองปกป้องทั้งเขาและผู้ติดตามอีกคน
จนถึงต้องรุกเข้าไปช่วงชิงสมบัติสำคัญมายิ่งล้าหนัก เพราะศัตรูที่อยู่ป้องกันของไม่ธรรมดานั้น
ย่อมไม่ธรรมดา สภาพอัคนิยามนี้อาจไม่ถึงกับติดเพลิงกาฬขึ้นมามิได้ แต่เอามาใช้กับเขา
ซึ่งเป็นญาติผู้มีพลังไฟเยี่ยมยุทธทั้งยังออมพลังนั้นไว้ต้านทานเต็มสามารถ คงไม่ง่ายนัก



มีดสั้นสองเล่มกระแทกกันโฉบฉิวเฉี่ยวแรงภายใต้แสงจันทร์ที่เร่าร้อนขึ้นทุกขณะ
พื้นโคลนเลนปนทรายเฉอะแฉะกระจุยตามแรงล้มลุกคลุกคลาน หัสดินมิเคยรู้มาก่อน
ว่าความดุดันว่องไวของอัคนิที่แม้ไม่ชำนาญมีดสั้นเท่าตนแต่ด้วยกำลังขับดันยามคับขัน
จะทำให้อีกฝ่ายรับมือได้ถึงขนาดนี้

แต่มือสังหารที่หมายชีวิตนายก็กระหยิ่มในใจเมื่อเห็นผู้เป็นเลิศในทุกด้านเริ่มเพลี่ยงพล้ำ

จังหวะที่เขากำลังจะจัดการกับอีกฝ่าย อัคนิชิงหลบไหววูบ...

หัสดินเองเสียหลักล้ม ทันเห็นคมมีดขาววับรับแสงจันทราฉกปลาบลงมา
เลือดในกายเย็นวาบราวหัวใจจะหยุด !!



อสิตา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 2 ก.ย. 2555, 04:34:21 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 2 ก.ย. 2555, 04:44:15 น.

จำนวนการเข้าชม : 2352





<< ตอนพิเศษ"บทเพลงก่อนนิทรา"(บทนำ)   ตอนพิเศษ "บทเพลงก่อนนิทรา" (ต่อ-จบบท) >>
อสิตา 2 ก.ย. 2555, 04:55:25 น.
ชาวบ้าน: เห็นว่าท่านอัคนิไม่ชอบพวกรังแกสัตว์ แบบนี้แปลว่ารักตัวมีขนละสิ
ท่านอัคนิวรา : ตอนเด็กๆ นอนกอดทุกคืน จนแมวที่เลี้ยงไว้เหม็นน้ำลายทุกตัว

ชาวบ้าน: -*- ตอนนี้ล่ะ...
ท่านอัคนิวรา : กอดมัชฌิตา ^-///-^

ชาวบ้าน: เรื่องในมุ้ง...ข่าวมาว่าชอบจุดไฟเผาชุดนอนคุณภรรยามิ้งค์ๆด้วยนี่
ท่านอัคนิวรา : อันนั้นต้องติดตามในเล่มนะ เป็นแฟนเซอวิสของเซอวิสอีกที...แถมให้คนที่อุดหนุนหนังสือมารดาของข้า

ชาวบ้าน: แล้วถ้ามีคนตั้งใจจะไปยืนอ่านในร้านล่ะ (กร๊าก)
ท่านอัคนิวรา : โอ๊ย แบบนั้นจะออกัสซั่มเหรอ(แสยะปากยั่วเห็นเขี้ยว) ของอโลฮ่าๆ แบบนี้มันต้องอ่านคนเดียวในห้องนอน อ่านซ้ำอ่านซากให้เปื่อย

ชาวบ้าน: ‘- -“
ท่านอัคนิวรา //นั่งไขว่ห้างกระดิกขา...

ชาวบ้าน: ท่านอัคนิชอบไอศกรีมรสอะไร
ท่านอัคนิวรา : ช็อกโกแลต ชอบกินไอศกรีมทอด หรือแบบโปะมากับวาฟเฟิล กับโรตีก็กินดี อร่อยนะ ...


อสิตา 2 ก.ย. 2555, 04:56:30 น.
ชาวบ้าน: ฉากที่ชอบที่สุดในเล่ม ไม่รวมตอนพิเศษ
ท่านอัคนิวรา : ตอนฟังเพลงในหูฟังกับมิ้งค์ๆ ได้เล่นเลิฟซีนจูบแบบไม่กั๊ก
กับฉากกระทืบหน้าชามัลจมมิดดิน... ชอบเท่ากัน

ชาวบ้าน: อยากพูดกับตัวประกอบตัวไหนไหม ?
ท่านอัคนิวรา : โทษทีนะลุงไผ่ ก็คนมันหิว...
(ใครจำลุงไผ่ไม่ได้ไปหาอ่านเอา ก่อนอัคนิเจอกับพี่มิ้งค์ครั้งแรก)

ชาวบ้าน: ประโยคที่อยากบอกชามัล
ท่านอัคนิวรา : ไอ้เวร...


pkka 2 ก.ย. 2555, 07:17:40 น.
Ok เดี้ยวไปซื้อค่ะท่านอัคนิ^^


lovemuay 2 ก.ย. 2555, 09:22:41 น.
ท่านอัคนิโปรโมตเต็มที่ อิอิ
แต่ฮาประโยคที่ อยากบอกชามัลจัง +55


Zephyr 2 ก.ย. 2555, 11:51:14 น.
ตอนแรกอ่านๆมา เกือบได้เห็นมะม้าหัวแหว่งละ เพราะ.... เอ๊ะ มันซ้ำของเก่านี่!!!!
ระหว่างอ่านๆไปจุดเดือดเริ่มขึ้น ไต่ระดับเรื่อยๆกะลัง ปรี๊ดดดดดด จะแตกก็มา พรึ่บบบ
ตอบคอมเมนต์ครั้งก่อน เฟอร์ก็เริ่ม งง
แล้วมะม้าก็โพสต่อ
จุดเดือดเลยเริ่ม ลดลง....ลด....ลง.... เข้าสู่ภาวะปกติ หึหึ รอด....ไปนะ....มะม้า คริคริ
จะมารมณ์บ่จุยก็ไอ้ตรงเมนต์ละ ไมต้องกอดมัชฌิตา!!!! ไม่เข้าจายยยยยย .....

อะไรเนี่ย สัมภาษณ์กวนจิตจริงๆเลย
เหม่กอดมัชฌิตา ชริ แสดงว่าซักวันก็คงเหม็นน้ำลายเหมือนกันสินะ


Gingfara 2 ก.ย. 2555, 12:20:17 น.
ฮ่าๆๆๆยิ่งอ่านยิ่งอยากได้หนังสือมานอนกอดให้เปื่อย


goldensun 2 ก.ย. 2555, 13:51:22 น.
นึกว่าลืม แล้วเอาตอนเก่ามาลง ผ่านตอบคอมเมนต์ก็อ๋อเลย
อัคนิก็ออกจะเคารพรักพี่ชาย ไหงโดนเล่นงานตลอด
ชอบบทสัมภาษณ์ค่ะ ชวนตามเป็นเล่มดี


บุลินทร 2 ก.ย. 2555, 13:53:52 น.
มายั่วให้คนอ่านอยากได้หนังสือมากขึ้นนะเนี่ย อิอิ


หมูอ้วน 2 ก.ย. 2555, 14:15:02 น.
ช่วงสัมภาษณ์ ฮา..มากเลยค่ะ


Chii 2 ก.ย. 2555, 17:15:35 น.
ไอ่ที่ตอบฉากที่ชอบเนี่ย รักษาภาพพจน์ชิมิ?
เพราะครั้นจะตอบว่า ชอบฉากตื้บชามัลสุด ๆ เนี่ย เสียลุคมากมายแน่


Pat 2 ก.ย. 2555, 19:13:19 น.
อัคนิตัวจริงหรือเปล่านิที่มาให้สัมภาษณ์นี่ เปลี่ยนลุคเลยนะค๊า


อสิตา 2 ก.ย. 2555, 20:53:32 น.
อัคนินิสัยสมจริงมากแล้วคงจะไม่ฮาน่ะค่ะ เลยเอาอัคนิมาผสมคนเขียน555


shadha 2 ก.ย. 2555, 23:42:08 น.
(คำจารึก)
RIP
ลุงไผ่ ตัวละครใช้แล้วทิ้ง
ฉากแรก ขับรถ
ฉากสุดท้าย ขับรถ และ ...



ameerahTaec 3 ก.ย. 2555, 11:08:55 น.
อัคนิมาเมื่อไหร่ไม่รู้ตัวเลย รออุดหนุน อิอิ


wii 3 ก.ย. 2555, 11:27:17 น.
อยากใด้หนังสือเอาไว้ครองทีสุดเเต่คงไม่มีปัณญาเพราะอยู่ต่างประเทศค่ะ เฮ้อเสียดายจัง ชอบหนุ่มอัคิจริงๆ


ling 3 ก.ย. 2555, 13:34:39 น.
มีบทสัมภาษณ์ด้วย 55555 ขำจริง


silverraindrop 5 ก.ย. 2555, 11:26:40 น.
ย้อนอดีต...


หยกสีน้ำผึ้ง 7 ก.ย. 2555, 04:27:59 น.


konhin 7 ก.ย. 2555, 08:10:48 น.
คิดถึงจังเลยคับผม


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account