พรางนิมิต
ความลับของเธออยู่ภายใต้ถุงมือที่ไม่เคยถอดออก แต่ทว่าในเช้าวันหนึ่งที่เผลอดึงมันออกมา เธอจึงรู้ว่าหลังจากวินาทีนี้ต่อไปเธอจะไม่ได้ชีวิตปกติกลับคืนมาอีก เมื่อมีปีศาจหนุ่มรูปงามยืนตระหง่านอยู่ตรงหน้า...
Tags: พรางนิมิต ปีศาจ
ตอน: 3. การกลับมาของพี่ชายที่แสนดี
“เกิดเหตุน่าประหลาดขึ้นที่บริเวณ... เมื่อชาวบ้านพบศพชายนิรนามนอนเสียชีวิตอยู่ข้างพงหญ้าในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง คาดว่าน่าจะเสียชีวิมาแล้วไม่ต่ำกว่าแปดชั่วโมง แต่ทว่าสภาพศพนั้นกลับซีดเซียว เหลือเพียงแต่หนังหุ้มกระดูก คล้ายกับสภาพศพของคนที่เสียชีวิตมาไม่ต่ำกว่าหกเดือน ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังส่งเรื่องนี้เข้าสู่...”
“เฮ้อ คนสมัยนี้ชักจะตายด้วยโรคแปลกๆ เยอะขึ้นทุกวัน” มายาพูดพลางหยิบรีโมตทีวีขึ้นมาปิดภาพหน้าขนหัวลุก พร้อมกับเดินเข้าไปในห้องครัวเพื่อไปหยิบขนมเอาไปกินต่อบนห้อง ในขณะที่เธอจะต้องใช้สมาธิจดจ่อกับการทำงานหลังจากอาหารเย็นผ่านไป
เธอชอบที่จะทำงานในยามค่ำคืน เพราะมันเป็นเวลาที่เงียบสงบที่สุด อากาศไม่ร้อนจนเกินไป แถมยังได้นอนดูดาวตกบ้างในบางคืน แต่ทันทีที่ประตูห้องถูกเปิดออก ร่างสูงใหญ่ของชาก็หายไปจากห้องอย่างไร้ร่องรอย มายาใจหายเล็กน้อยรีบยกมือขึ้นมากุมสร้อยเอาไว้ สาบานได้ว่าก่อนหน้าที่เธอจะลงไปกินข้าว ชายังนั่งอยู่บนโต๊ะหนังสือ เท้าคางมองภาพพักหน้าจอของคอมพิวเตอร์ที่เป็นรูปเรื่องราวชีวิตดาราทุกคนที่เธอชื่นชอบอยู่อย่างสนอกสนใจ
“คุณอยู่ในห้องรึเปล่าชา” มายาลองเอ่ยถามขึ้นมาท่ามกลางความว่างเปล่าของห้อง
ไม่นานนักหลังจากที่เธอได้เอ่ยถามออกไป ร่างสูงของปีศาจก็ปรากฏขึ้นทางหน้าต่างตรงระเบียงหน้าห้อง ปีกใหญ่ของเขาโบกสะบัดเพื่อพยุงร่างเอาไว้ เธอเห็นดวงตาสีแดงฉานจ้องมองมาไม่วางตา ส่วนผมสีดำขลับก็ปลิวสยายเคลียไปบนจมูกโด่งและริมฝีปากบาง เขาปล่อยท่อนแขนกำยำทั้งสองทิ้งเอาไว้ข้างกาย เผยให้เห็นความแข็งแกร่งของช่วงตัวอันน่าหลงใหล และสาบานได้ถ้าหากผู้ชายผมยาวเป็นหนึ่งในสเป๊กเธอแล้วละก็ รับรองว่าชาคงไม่ปลอดภัยในชีวิตแน่
“คุณไปไหนมา”
“มองพระอาทิตย์ตกดิน” ชาตอบพลางทิ้งตัวลงมายืนบนระเบียงพร้อมปีกที่ค่อยๆ เลือนหายไป
“ที่ไหน” มายาขมวดคิ้วมุ่น เพราะเท่าที่จำได้บ้านเธอไม่มีระเบียงกว้างขนาดจะให้ผู้ชายตัวใหญ่ขนาดชาไปนั่งมองพระอาทิตย์ได้สบายๆ แน่
“ข้างบน” ปีศาจหนุ่มตอบพลางชี้ไปด้านบน เพียงเท่านั้นมายาก็รู้ทันทีว่าเขาไปจับจองพื้นที่ไหนในบ้านเธอ
“ระวังนะ หลังคามันไม่ได้แข็งแรงอะไรขนาดนั้น” พูดแล้วก็พาร่างเล็กๆ ของตัวเองไปนั่งยังเก้าอี้หน้าโต๊ะเขียนหนังสือที่มีคอมพิวเตอร์ตั้งอยู่ “ว่าแต่คุณไม่เคยเห็นพระอาทิตย์ตกเหรอ”
“ข้าจำไม่ได้ แต่ความรู้สึกข้ามันบอกว่านี่คือครั้งแรก” ชาเดินเข้ามาหยุดอยู่ข้างหญิงสาว
“ฉันกำลังหาข้อมูลเกี่ยวกับคุณอยู่ แต่มันไม่ได้อะไรเลย พูดถึงแต่ศาสนาคริสต์ ซาตานอะไรพวกนั้น ซึ่งฉันดูแล้วคุณไม่น่าใช่” มายาพูดพร้อมกับเปิดหน้าเว็บไซต์ที่เธอค้นหาข้อมูลให้ชาได้ดู
ปีศาจหนุ่มไล่สายตาไปยังหน้าจอคอมพิวเตอร์ แล้วก็ต้องสะดุดอยู่บนรูปอักขระโบราณที่สลักเอาไว้บนก้อนหิน ...อ่านไม่ออก แต่กลับรู้สึกคุ้นตาจนต้องเผลอจ้องอยู่นาน
“คุณเคยเห็นเหรอ” น้ำเสียงของหญิงสาวเริ่มมีความหวัง เมื่อเห็นปฏิกิริยาของอีกฝ่าย
“ข้าตอบไม่ได้ แต่มันคุ้นตา”
“ในเว็บนี้มันบอกว่าเป็นอักขระโบราณที่ยังไม่มีใครสามารถอ่านออก ถูกขุดพบในเขตกรุงเทพมหานคร คาดว่าน่าจะมีอายุหลายร้อยปี ตอนนี้ถูกเก็บเอาไว้ในกรมศิลปากร คิดว่าเราควรเข้าไปที่นั่นมั้ย”
“ข้าอยากเห็น” นัยน์ตาสีแดงฉานของชาวาววับเป็นประกาย
“บางทีถ้าเรามีบัตรผ่านเข้าออกกรมศิลป์ก็ดีสินะ เกิดมาฉันยังไม่เคยเข้าไปเหยียบเลย”
“แต่ข้าไปได้” เรียวปากบางของชากระตุกยิ้ม เมื่อเห็นโอกาสที่สามารถฟื้นฟูความจำของตนเอง
“ถ้างั้นเราจะไปวันพรุ่งนี้ แต่ฉันไม่รับประกันนะว่าฉันจะช่วยคุณได้มั้ย เพราะถ้าฉันเข้าไม่ได้ก็แสดงว่าฉันก็ไม่สามารถสัมผัสมันได้เหมือนกัน”
“ข้ารู้”
แล้วระหว่างนั้นก็มีเสียงเอะอะดังขึ้นด้านนอกบ้าน มายาเลยเดินออกไปชะโงกหน้าไปดูที่ระเบียงก็เห็นร่างสูงของใครบางคนที่เธอเกือบจะลืมเลือนไปแล้วมายืนเท้าสะเอวอยู่ข้างบ้าน
กวิน...ชื่อของพี่ชายข้างบ้านที่ย้ายไปอยู่เมืองนอกตั้งแต่เธออายุสิบสี่แล้วก็ไม่เคยกลับมาอีกเลย ยอมรับว่าตอนแรกที่กวินต้องจากไปนั้นเธอมีแอบเหงาบ้างเล็กน้อยตามประสาคนไม่มีเพื่อนเล่น แต่เพราะอะไร จู่ๆ กวินถึงได้กลับมาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยเช่นนี้ มายาคิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออก แต่ด้วยความตื่นเต้นที่ได้เห็นพี่ชายอีกครั้งเธอจึงรีบตะโกนเรียกชื่อเขาเสียงดัง
“พี่วิน!” สิ้นเสียงร้องตะโกนของมายา หนุ่มร่างสูงที่ยืนหันหลังให้ก็รีบหันขวับกลับมา เขายิ้มแทบจะทันทีที่เห็นว่าใครคือเจ้าของเสียงหวานที่เรียกชื่อเขาอยู่
“มายา!” กวินตอบกลับพร้อมกับโบกไม้โบกมือทักทาย มายามองภาพนั้นด้วยความตื่นเต้น ไม่ได้เจอกันเป็นสิบปีพี่วินตัวโตขึ้นผิดหูผิดตาเกือบจำไม่ได้เลยทีเดียว แล้วเธอไม่รั้งรออะไรอีกต่อไป ร่างเล็กๆ รีบวิ่งออกไปจากห้องเพื่อไปทักทายพี่ชายข้างบ้าน โดยทิ้งให้ปีศาจอีกตนหนึ่งยืนกอดอกมองดูอย่างครุ่นคิด
“พี่วินกลับมาได้ไงเนี่ย ไม่เห็นบอกกันบ้างเลย!” มายาเอ่ยถามขึ้นหลังจากรีบวิ่งออกมาจากบ้านของตนเองตรงดิ่งไปบ้านที่อยู่ติดกันเพื่อไปหาพี่ชายร่างสูงหน้าตาดีที่ยืนคุมคนงานขนของเข้าบ้านอยู่ด้านใน
“พอดีพี่มาเรื่องงาน บริษัทเลยส่งพี่มาด่วน” กวินพูดพลางยิ้มน้อยๆ ดูเหมือนว่าน้องสาวขี้แยของเขาในสมัยก่อนจะกลายเป็นสาวสะพรั่งเต็มตัว แถมยังน่ารักน่าหยิกอีกต่างหาก
“แล้วเราล่ะเป็นไงมั่งไม่ได้เจอกันตั้งนานยังจำพี่ได้อยู่เหรอเนี่ย”
“ก็พี่วินไม่ติดต่อมายาเองนี่ โกรธมากเลยด้วย กะว่าจะไม่ให้อภัยอีกแล้ว” สาวผมสั้นทำหน้างอนๆ แต่งอนได้ไม่นานก็ต้องหัวเราะออกมาเมื่อถูกพี่ชายจี้เอวจนจั๊กจี้ดิ้นไปดิ้นมา
“มายาไม่ใช่เด็กแล้วนะ พี่วินจะมาแกล้งมายาเหมือนเดิมไม่ได้” หญิงสาวพูดทั้งที่ยังหัวเราะไม่หยุด ก่อนจะกระโดดออกมายืนให้ห่างจากพี่ชายหน้าเข้มเอาไว้
“ก็พี่คิดถึงมายานี่ ไม่ได้เจอกันตั้งนานตัวโตขึ้นตั้งเยอะ ไม่รู้ว่ายังขี้แยอยู่เหมือนเดิมรึเปล่า”
“คิดถึงแต่ไม่เคยติดต่อมา อย่างนี้พี่วินจะบอกว่าคิดถึงมายาได้ยังไง”
“พี่ขอโทษ พอไปถึงที่โน่นมันก็มีอะไรต้องทำไปหมด มันก็เลย...”
“ลืมน้อง” คนตัวเล็กต่อให้ด้วยความน้อยใจ เธอทั้งร้องไห้โยเย ทั้งคิดถึงพี่ชายใจจะขาด ก็ตั้งแต่เกิดมาเธอก็ไม่มีพี่น้องมีแต่กวินนี่แหละที่ดูแลเธอมาตลอด เธอจึงรักกวินราวกับเป็นพี่ชายแท้ๆ ของตัวเอง
“พี่ขอโทษนะ” กวินยิ้มน้อยๆ ก่อนจะรวบตัวน้องสาวข้างบ้านมากอดหน้าตาเฉย มายาตกใจเล็กน้อยแต่ด้วยความคิดถึงพี่ชายจึงกอดตอบอย่างไม่คิดเกินเลยอะไร แล้วเธอฉุกคิดอะไรขึ้นมาได้รีบผละตัวออกมาจากพี่ชายโดยเร็ว
“แล้วพี่วินจะอยู่เมืองไทยนานรึเปล่าคะ”
“คงพักใหญ่ๆ ต้องดูก่อนว่างานจะเสร็จเมื่อไหร่” กวินหมายถึงบริษัทส่งออกและนำเข้าโบราณวัตถุโบราณในนิวยอร์กที่เขาทำงานอยู่
“พี่วินทำงานอะไรเหรอคะ”
“พี่เป็นฝ่ายตรวจสอบวัตถุโบราณก่อนที่บริษัทจะรับซื้อ” หนุ่มรูปหน้าคมสันบอกพลางแอบชำเลืองมองน้องสาวอีกครั้ง เขาไม่คิดว่ามายาจะโตแล้วน่ารักขนาดนี้ ถ้าหากว่าเขาสามารถรู้ล่วงหน้าแล้วละก็ คงต้องขอย้ายตัวเองกลับมาเมืองไทยให้เร็วที่สุดแน่
“อืมๆ เข้าทางเป๊ะเลย” มายาเปรยขึ้นมาเสียงเบา แต่ทว่าพี่ชายก็ยังคงได้ยินอยู่ดี
“อะไรนะ” อีกฝ่ายถามซ้ำเพื่อความแน่ใจ
“พี่วินรู้จักคนในกรมศิลป์เยอะรึเปล่าคะ” จู่ๆ น้องสาวก็ยิงคำถามที่ทำเอาเขาถึงกับต้องขมวดคิ้ว
“มายามีอะไรรึเปล่า”
“พอดีมายาอยากจะเห็นก้อนหินที่สลักอักษรโบราณไว้น่ะค่ะ”
“ก้อนไหน?” ที่ถามออกไปเพราะก้อนหินประเภทนี้ไม่ได้มีอยู่แค่ก้อนเดียวในประเทศ
“ก็ก้อนที่มันยังไม่มีใครอ่าน...อุ๊ย!” พูดแล้วมายาก็ต้องสะดุ้ง เพราะจู่ๆ ร่างของปีศาจหนุ่มก็ปรากฏอยู่เบื้องหลังกวิน แถมยังทำหน้าตาเคร่งขรึมราวกับว่าเขาเป็นตัวอันตราย
“ข้าได้กลิ่นแปลกๆ จากชายผู้นี้” ชาพูดขึ้นพร้อมกับเงยหน้าขึ้นหลับตาเพื่อสูดกลิ่นกายของกวินอีกครั้ง
“มีอะไรรึเปล่ามายา” กวินถามขึ้นมาเมื่อเห็นสีหน้าตกใจของน้องสาว หันไปมองด้านหลังของตัวเองเพราะรู้สึกเหมือนมายาจะเห็นอะไรบางอย่าง แต่ทว่าเขาก็ไม่พบสิ่งใดผิดปกติใดๆ แม้แต่น้อย
“ตกใจหมดเลย!” มายาอุทานออกมาพร้อมกับหน้าหน้ามุ่ย ใช่ว่าเธอชินกับการที่ต้องอยู่ใกล้ปีศาจเช่นนี้ เพราะถ้าเขาโผล่มาแบบไม่ให้สุ้มให้เสียงแบบนี้อีก มีหวังคราวหลังเธอต้องขนหัวลุกไปอีกหลายวันแน่
“ตกใจอะไร?” คิ้วหนาของกวินขมวดมุ่น
“ตกใจตุ๊กแกค่ะพี่วิน เมื่อกี้มันโผล่ออกมาจากฝ้าเพดาน แต่ไม่รู้ว่าตอนนี้มันไปไหนแล้ว”
“สงสัยต้องให้บริษัทมาทำความสะอาดให้ ไม่ได้อยู่หลายปีมันโทรมลงไปเยอะเลย” ชายหนุ่มเงยหน้ามองฝ้าเพดานสีขุ่น ตอนแรกเขาไม่คิดว่าจะได้กลับเมืองไทยในเร็วๆ นี้ แต่ทว่ามีคำสั่งสายฟ้าแลบจากบอสให้กลับเมืองไทยด่วนที่สุด เขาเลยต้องกลับมาโดยที่ไม่ได้ทันได้เตรียมตัวอะไร
“ประหลาดมาก ข้าไม่เคยได้กลิ่นนี้จากผู้ใดมาก่อน” ชาเปรยขึ้นอีกครั้ง ขณะเคลื่อนตัวเข้าไปหาหนุ่มอีกคนด้วยสายตาที่ไม่น่าไว้วางใจ
มายาถลึงตาไปมองปีศาจหนุ่มที่กำลังบินวนเวียนอยู่รอบๆ พี่ชายด้วยความรู้สึกกึ่งโมโหกึ่งหวาดหวั่น ไม่รู้ว่าชาได้กลิ่นอะไรจากกวิน แต่มันต้องไม่ใช่เรื่องดีแน่ หากแต่ตอนนี้เธอต้องให้กวินช่วยเรื่องก้อนหินนั่นเสียก่อน
“มายาว่าพี่วินเคยเห็นนะ” ว่าแล้วสาวตัวเล็กก็หยิบโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมาเพื่อเปิดภาพก้อนหินที่เธอเซฟเอาไว้ ก่อนจะส่งมันไปให้กวินได้ดู แล้วชายหนุ่มก็ต้องยิ้มออกมา เพราะมันคือต้นเหตุที่ทำให้เขาต้องกลับมาประเทศไทยแทบไม่ทัน
“ยิ่งกว่าเคยเห็นแน่” กวินหัวเราะเบาๆ พร้อมกับยักคิ้วไปให้น้องสาวคนสวย “ไว้พี่จัดการเรื่องบ้านเสร็จเมื่อไหร่ พี่จะพามายาไปดูของจริงนะ แต่มายาต้องบอกพี่ก่อนว่าอยากเห็นไปทำไม”
“มายามีเพื่อนที่คาดว่าน่าจะอ่านอักษรโบราณพวกนี้ออกน่ะค่ะ เลยอยากจะให้เขาได้เห็นด้วยตัวเอง”
“จะพาเพื่อนไปด้วยเหรอ” ชายหนุ่มเลิกคิ้วสูง
“อ้อเปล่าๆ ค่ะ ขอโทษที อันที่จริงมีมายาแค่คนเดียว อยากเห็นของจริง จะได้ถ่ายรูปฝากเพื่อนได้ค่ะ” หญิงสาวรีบกลับคำแทบไม่ทัน
“ขอเวลาพี่ซักวันสองวันนะมายาแล้วพี่จะพาไปดู ว่าแต่เย็นนี้มายากินข้าวรึยัง” เมื่อได้ทีกวินก็ไม่ปล่อยให้โอกาสหลุดมือ
“เรียบร้อยแล้วค่ะ พอดีแม่ซื้อกับข้าวทิ้งเอาไว้ให้แล้วพี่วินล่ะ” ได้ยินน้องสาวตอบกลับมาดังนั้นหนุ่มหล่อก็อดเสียดายไม่ได้ แต่ไม่เป็นไรเพราะเขายังอยู่ที่นี่อีกนาน
“พี่คงหาอะไรกินง่ายๆ ที่โรงแรมไปก่อน ไว้วันมะรืนเราค่อยออกไปหาอะไรอร่อยๆ กินกันดีกว่า เพราะบ้านก็คงเสร็จพอดี พี่ไม่ได้กลับเมืองไทยซะนานเลยไม่รู้ว่าเดี๋ยวนี้มันเปลี่ยนไปแค่ไหนแล้ว มายาพาพี่ไปเปิดหูเปิดตาหน่อยก็แล้วกัน” พูดพลางเดินเข้าไปหาคนงานชายสามสี่คนที่ยืนรอเงินอยู่ข้างรถหกล้อหลังจากที่ขนเตียงและตู้ที่เขาลงทุนซื้อชุดใหม่มาไว้ที่บ้านเสร็จเรียบร้อยแล้ว
“ได้ค่ะ งั้นไว้วันมะรืนนะ พี่วินจะให้มายาไปหาที่ไหนล่ะ”
“เดี๋ยวพี่มารับก็ได้ พอดีเช่ารถเอาไว้ มายาจะได้ไม่ลำบาก” กวินส่งยิ้มวาววับมาให้ ก่อนจะจัดการล๊อกประตูบ้านให้เรียบร้อย
“โอเคค่ะ เย็นๆ มายาจะรอพี่วินอยู่ที่บ้านนะ”
“ได้ครับ งั้นวันนี้พี่ไปก่อนนะ จะต้องเตรียมเอกสารไปให้บริษัทในไทยซักหน่อย”
“ค่ะ แล้วเจอกัน” พูดแล้วมายาก็ยิ้มแก้มปริ ไม่คิดไม่ฝันว่าจะได้เจอกวินอีกครั้ง หญิงสาวเดินไปส่งชายหนุ่มยังรถที่เขาเช่ามา ก่อนจะโบกมือให้สุดแขนเมื่อเห็นรถเก๋งคันใหญ่แล่นออกไปจนสุดตา
“ชายผู้นั้นน่าสงสัยมีกลิ่นแรงเกินกว่ามนุษย์ทั่วไป” ชาค่อยๆ สาวเท้าเข้ามายืนเคียงข้างหญิงสาวที่กำลังหมุนตัวเดินกลับไปบ้านตัวเอง มายาตวัดมองเสี้ยวหน้าคมสันของปีศาจหนุ่มอย่างหมั่นไส้ที่จู่ๆ ก็มาว่าพี่ชายของเธอซึ่งไม่ได้เจอกันเป็นสิบปีว่าน่าสงสัย ไม่รู้ว่าปีศาจอย่างเขาแอบอิจฉาความหล่อของกวินรึเปล่าเลยพูดออกมาอย่างนั้น
“น่าสงสัยตรงไหน” น้ำเสียงของสาวน้อยติดห้วนน้อยๆ
“ข้าไม่เคยได้กลิ่นหอมรุนแรงเช่นนั้นจากมนุษย์ผู้ใดมาก่อน”
“น้ำหอมรึเปล่า ฉันก็ได้กลิ่นนะ” มายารีบแย้ง
ทว่าปีศาจรูปงามไม่ตอบคำถาม เขาบินขึ้นฟ้าด้วยปีกสีดำมหึมา พร้อมดวงตาแดงฉานที่ยังคงจดจ้องรถของกวินไปจนลับตา ก่อนจะบินกลับไปยืนกอดอกอยู่บนหลังคาบ้านด้วยท่าทางครุ่นคิด
“งอนเหรอ พูดแค่นี้ก็งอนเหรอ ปีศาจอะไรขี้งอนชะมัด” มายากระฟัดกระเฟียด เมื่อเห็นท่าทีเมินเฉยของชา เธอก็ไพล่นึกไปว่าเขาคงงอนที่เธอพูดเข้าข้างกวิน แต่หารู้ไม่ว่าที่จริงแล้วปีศาจหนุ่มกลับรู้สึกถึงพลังงานบางอย่างที่มันไหลเวียนอยู่ในร่างเมื่อได้สูดกลิ่นกายของกวินต่างหาก
มันเป็นพลังที่ทำให้เขาเกือบจะควบคุมตัวเองไม่อยู่เชียว...
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
สวัสดีวันพุธค่ะ
วันนี้เกือบไม่ได้มาอัพแล้วเชียว มัวแต่ยุ่งอยู่กับหลานลิงสองคนค่ะ
คนแรกก็ไม่ยอมฟังเราเล้ยยย คนที่สองก็ซนยิ่งกว่าลิง เอาเป็นว่าเหนื่อยค่ะ 555
ส่วนตอนที่แล้วและตอนที่ผ่านๆ มา ต้องขออภ้ยคนที่อ่านไปแล้วอย่างยิ่งนะคะ
ที่มีความผิดพลาดขนาดนั้นได้ ถ้าคุณgoldensun ไม่ทักมาก็อาจจะไม่เห็นก็ได้ค่ะ
คิดแล้วรู้สึกแย่มากๆ ต้องขอโทษอีกครั้งนะคะ ตอนนี้กลับไปแก้แล้วค่ะ พร้อมตอนอื่นๆ
แต่ถ้าหากว่ามีใครเห็นข้อผิดพลาดอีกก็สามารถบอกได้เลยนะคะ
จะเป็นความกรุณาอย่างสูงเลยค่ะ
ปล.ตอนนี้รวบตอน 2 กับ 3 เป็นตอนเดียวนะคะ ฉะนั้นตอนนี้ซึ่งที่จริงควรจะเป็นตอนที่ 4 จึงถูกเลื่อนขึ้นมาเป็นตอนที่ 3 ค่ะ :)
ขอบคุณ
คุณมุนีรัตน์ : ขอบคุณค่ะที่ยังไม่ทิ้งชา ^^
คุณคิมหันตุ์ : ขอบคุณค่ะ ^^
คุณgoldensun : ไม่มีแกล้งใครต่อแล้วค่ะ เพราะแก้ให้มายารู้สึกผิดไปเรียบร้อยแล้ว แหะๆๆ ต้องขอบคุณมากจริงๆ นะคะ สำหรับคำแนะนำ และต้องขอโทษด้วยที่มีข้อผิดพลาดขนาดนั้นได้ TT
คุณนางสาวปลาดาว : ขอบคุณที่ชอบนะคะ ^^
คุณBarby : อันที่จริงตอนนี้แก้เยอะมาก จนเริ่มตอบไม่ได้แล้วค่ะว่าพลังเพิ่มตอนไหน (อ้าว) 555
คุณZephyr : เอาไปทำอย่างอื่นดีกว่ามั้ยคะ อิอิ
และขอบคุณทุกคนที่ติดตามเรื่องนี้ด้วยนะคะ ^^
( ดารานิล )
www.facebook.com/daranilday
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
“เฮ้อ คนสมัยนี้ชักจะตายด้วยโรคแปลกๆ เยอะขึ้นทุกวัน” มายาพูดพลางหยิบรีโมตทีวีขึ้นมาปิดภาพหน้าขนหัวลุก พร้อมกับเดินเข้าไปในห้องครัวเพื่อไปหยิบขนมเอาไปกินต่อบนห้อง ในขณะที่เธอจะต้องใช้สมาธิจดจ่อกับการทำงานหลังจากอาหารเย็นผ่านไป
เธอชอบที่จะทำงานในยามค่ำคืน เพราะมันเป็นเวลาที่เงียบสงบที่สุด อากาศไม่ร้อนจนเกินไป แถมยังได้นอนดูดาวตกบ้างในบางคืน แต่ทันทีที่ประตูห้องถูกเปิดออก ร่างสูงใหญ่ของชาก็หายไปจากห้องอย่างไร้ร่องรอย มายาใจหายเล็กน้อยรีบยกมือขึ้นมากุมสร้อยเอาไว้ สาบานได้ว่าก่อนหน้าที่เธอจะลงไปกินข้าว ชายังนั่งอยู่บนโต๊ะหนังสือ เท้าคางมองภาพพักหน้าจอของคอมพิวเตอร์ที่เป็นรูปเรื่องราวชีวิตดาราทุกคนที่เธอชื่นชอบอยู่อย่างสนอกสนใจ
“คุณอยู่ในห้องรึเปล่าชา” มายาลองเอ่ยถามขึ้นมาท่ามกลางความว่างเปล่าของห้อง
ไม่นานนักหลังจากที่เธอได้เอ่ยถามออกไป ร่างสูงของปีศาจก็ปรากฏขึ้นทางหน้าต่างตรงระเบียงหน้าห้อง ปีกใหญ่ของเขาโบกสะบัดเพื่อพยุงร่างเอาไว้ เธอเห็นดวงตาสีแดงฉานจ้องมองมาไม่วางตา ส่วนผมสีดำขลับก็ปลิวสยายเคลียไปบนจมูกโด่งและริมฝีปากบาง เขาปล่อยท่อนแขนกำยำทั้งสองทิ้งเอาไว้ข้างกาย เผยให้เห็นความแข็งแกร่งของช่วงตัวอันน่าหลงใหล และสาบานได้ถ้าหากผู้ชายผมยาวเป็นหนึ่งในสเป๊กเธอแล้วละก็ รับรองว่าชาคงไม่ปลอดภัยในชีวิตแน่
“คุณไปไหนมา”
“มองพระอาทิตย์ตกดิน” ชาตอบพลางทิ้งตัวลงมายืนบนระเบียงพร้อมปีกที่ค่อยๆ เลือนหายไป
“ที่ไหน” มายาขมวดคิ้วมุ่น เพราะเท่าที่จำได้บ้านเธอไม่มีระเบียงกว้างขนาดจะให้ผู้ชายตัวใหญ่ขนาดชาไปนั่งมองพระอาทิตย์ได้สบายๆ แน่
“ข้างบน” ปีศาจหนุ่มตอบพลางชี้ไปด้านบน เพียงเท่านั้นมายาก็รู้ทันทีว่าเขาไปจับจองพื้นที่ไหนในบ้านเธอ
“ระวังนะ หลังคามันไม่ได้แข็งแรงอะไรขนาดนั้น” พูดแล้วก็พาร่างเล็กๆ ของตัวเองไปนั่งยังเก้าอี้หน้าโต๊ะเขียนหนังสือที่มีคอมพิวเตอร์ตั้งอยู่ “ว่าแต่คุณไม่เคยเห็นพระอาทิตย์ตกเหรอ”
“ข้าจำไม่ได้ แต่ความรู้สึกข้ามันบอกว่านี่คือครั้งแรก” ชาเดินเข้ามาหยุดอยู่ข้างหญิงสาว
“ฉันกำลังหาข้อมูลเกี่ยวกับคุณอยู่ แต่มันไม่ได้อะไรเลย พูดถึงแต่ศาสนาคริสต์ ซาตานอะไรพวกนั้น ซึ่งฉันดูแล้วคุณไม่น่าใช่” มายาพูดพร้อมกับเปิดหน้าเว็บไซต์ที่เธอค้นหาข้อมูลให้ชาได้ดู
ปีศาจหนุ่มไล่สายตาไปยังหน้าจอคอมพิวเตอร์ แล้วก็ต้องสะดุดอยู่บนรูปอักขระโบราณที่สลักเอาไว้บนก้อนหิน ...อ่านไม่ออก แต่กลับรู้สึกคุ้นตาจนต้องเผลอจ้องอยู่นาน
“คุณเคยเห็นเหรอ” น้ำเสียงของหญิงสาวเริ่มมีความหวัง เมื่อเห็นปฏิกิริยาของอีกฝ่าย
“ข้าตอบไม่ได้ แต่มันคุ้นตา”
“ในเว็บนี้มันบอกว่าเป็นอักขระโบราณที่ยังไม่มีใครสามารถอ่านออก ถูกขุดพบในเขตกรุงเทพมหานคร คาดว่าน่าจะมีอายุหลายร้อยปี ตอนนี้ถูกเก็บเอาไว้ในกรมศิลปากร คิดว่าเราควรเข้าไปที่นั่นมั้ย”
“ข้าอยากเห็น” นัยน์ตาสีแดงฉานของชาวาววับเป็นประกาย
“บางทีถ้าเรามีบัตรผ่านเข้าออกกรมศิลป์ก็ดีสินะ เกิดมาฉันยังไม่เคยเข้าไปเหยียบเลย”
“แต่ข้าไปได้” เรียวปากบางของชากระตุกยิ้ม เมื่อเห็นโอกาสที่สามารถฟื้นฟูความจำของตนเอง
“ถ้างั้นเราจะไปวันพรุ่งนี้ แต่ฉันไม่รับประกันนะว่าฉันจะช่วยคุณได้มั้ย เพราะถ้าฉันเข้าไม่ได้ก็แสดงว่าฉันก็ไม่สามารถสัมผัสมันได้เหมือนกัน”
“ข้ารู้”
แล้วระหว่างนั้นก็มีเสียงเอะอะดังขึ้นด้านนอกบ้าน มายาเลยเดินออกไปชะโงกหน้าไปดูที่ระเบียงก็เห็นร่างสูงของใครบางคนที่เธอเกือบจะลืมเลือนไปแล้วมายืนเท้าสะเอวอยู่ข้างบ้าน
กวิน...ชื่อของพี่ชายข้างบ้านที่ย้ายไปอยู่เมืองนอกตั้งแต่เธออายุสิบสี่แล้วก็ไม่เคยกลับมาอีกเลย ยอมรับว่าตอนแรกที่กวินต้องจากไปนั้นเธอมีแอบเหงาบ้างเล็กน้อยตามประสาคนไม่มีเพื่อนเล่น แต่เพราะอะไร จู่ๆ กวินถึงได้กลับมาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยเช่นนี้ มายาคิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออก แต่ด้วยความตื่นเต้นที่ได้เห็นพี่ชายอีกครั้งเธอจึงรีบตะโกนเรียกชื่อเขาเสียงดัง
“พี่วิน!” สิ้นเสียงร้องตะโกนของมายา หนุ่มร่างสูงที่ยืนหันหลังให้ก็รีบหันขวับกลับมา เขายิ้มแทบจะทันทีที่เห็นว่าใครคือเจ้าของเสียงหวานที่เรียกชื่อเขาอยู่
“มายา!” กวินตอบกลับพร้อมกับโบกไม้โบกมือทักทาย มายามองภาพนั้นด้วยความตื่นเต้น ไม่ได้เจอกันเป็นสิบปีพี่วินตัวโตขึ้นผิดหูผิดตาเกือบจำไม่ได้เลยทีเดียว แล้วเธอไม่รั้งรออะไรอีกต่อไป ร่างเล็กๆ รีบวิ่งออกไปจากห้องเพื่อไปทักทายพี่ชายข้างบ้าน โดยทิ้งให้ปีศาจอีกตนหนึ่งยืนกอดอกมองดูอย่างครุ่นคิด
“พี่วินกลับมาได้ไงเนี่ย ไม่เห็นบอกกันบ้างเลย!” มายาเอ่ยถามขึ้นหลังจากรีบวิ่งออกมาจากบ้านของตนเองตรงดิ่งไปบ้านที่อยู่ติดกันเพื่อไปหาพี่ชายร่างสูงหน้าตาดีที่ยืนคุมคนงานขนของเข้าบ้านอยู่ด้านใน
“พอดีพี่มาเรื่องงาน บริษัทเลยส่งพี่มาด่วน” กวินพูดพลางยิ้มน้อยๆ ดูเหมือนว่าน้องสาวขี้แยของเขาในสมัยก่อนจะกลายเป็นสาวสะพรั่งเต็มตัว แถมยังน่ารักน่าหยิกอีกต่างหาก
“แล้วเราล่ะเป็นไงมั่งไม่ได้เจอกันตั้งนานยังจำพี่ได้อยู่เหรอเนี่ย”
“ก็พี่วินไม่ติดต่อมายาเองนี่ โกรธมากเลยด้วย กะว่าจะไม่ให้อภัยอีกแล้ว” สาวผมสั้นทำหน้างอนๆ แต่งอนได้ไม่นานก็ต้องหัวเราะออกมาเมื่อถูกพี่ชายจี้เอวจนจั๊กจี้ดิ้นไปดิ้นมา
“มายาไม่ใช่เด็กแล้วนะ พี่วินจะมาแกล้งมายาเหมือนเดิมไม่ได้” หญิงสาวพูดทั้งที่ยังหัวเราะไม่หยุด ก่อนจะกระโดดออกมายืนให้ห่างจากพี่ชายหน้าเข้มเอาไว้
“ก็พี่คิดถึงมายานี่ ไม่ได้เจอกันตั้งนานตัวโตขึ้นตั้งเยอะ ไม่รู้ว่ายังขี้แยอยู่เหมือนเดิมรึเปล่า”
“คิดถึงแต่ไม่เคยติดต่อมา อย่างนี้พี่วินจะบอกว่าคิดถึงมายาได้ยังไง”
“พี่ขอโทษ พอไปถึงที่โน่นมันก็มีอะไรต้องทำไปหมด มันก็เลย...”
“ลืมน้อง” คนตัวเล็กต่อให้ด้วยความน้อยใจ เธอทั้งร้องไห้โยเย ทั้งคิดถึงพี่ชายใจจะขาด ก็ตั้งแต่เกิดมาเธอก็ไม่มีพี่น้องมีแต่กวินนี่แหละที่ดูแลเธอมาตลอด เธอจึงรักกวินราวกับเป็นพี่ชายแท้ๆ ของตัวเอง
“พี่ขอโทษนะ” กวินยิ้มน้อยๆ ก่อนจะรวบตัวน้องสาวข้างบ้านมากอดหน้าตาเฉย มายาตกใจเล็กน้อยแต่ด้วยความคิดถึงพี่ชายจึงกอดตอบอย่างไม่คิดเกินเลยอะไร แล้วเธอฉุกคิดอะไรขึ้นมาได้รีบผละตัวออกมาจากพี่ชายโดยเร็ว
“แล้วพี่วินจะอยู่เมืองไทยนานรึเปล่าคะ”
“คงพักใหญ่ๆ ต้องดูก่อนว่างานจะเสร็จเมื่อไหร่” กวินหมายถึงบริษัทส่งออกและนำเข้าโบราณวัตถุโบราณในนิวยอร์กที่เขาทำงานอยู่
“พี่วินทำงานอะไรเหรอคะ”
“พี่เป็นฝ่ายตรวจสอบวัตถุโบราณก่อนที่บริษัทจะรับซื้อ” หนุ่มรูปหน้าคมสันบอกพลางแอบชำเลืองมองน้องสาวอีกครั้ง เขาไม่คิดว่ามายาจะโตแล้วน่ารักขนาดนี้ ถ้าหากว่าเขาสามารถรู้ล่วงหน้าแล้วละก็ คงต้องขอย้ายตัวเองกลับมาเมืองไทยให้เร็วที่สุดแน่
“อืมๆ เข้าทางเป๊ะเลย” มายาเปรยขึ้นมาเสียงเบา แต่ทว่าพี่ชายก็ยังคงได้ยินอยู่ดี
“อะไรนะ” อีกฝ่ายถามซ้ำเพื่อความแน่ใจ
“พี่วินรู้จักคนในกรมศิลป์เยอะรึเปล่าคะ” จู่ๆ น้องสาวก็ยิงคำถามที่ทำเอาเขาถึงกับต้องขมวดคิ้ว
“มายามีอะไรรึเปล่า”
“พอดีมายาอยากจะเห็นก้อนหินที่สลักอักษรโบราณไว้น่ะค่ะ”
“ก้อนไหน?” ที่ถามออกไปเพราะก้อนหินประเภทนี้ไม่ได้มีอยู่แค่ก้อนเดียวในประเทศ
“ก็ก้อนที่มันยังไม่มีใครอ่าน...อุ๊ย!” พูดแล้วมายาก็ต้องสะดุ้ง เพราะจู่ๆ ร่างของปีศาจหนุ่มก็ปรากฏอยู่เบื้องหลังกวิน แถมยังทำหน้าตาเคร่งขรึมราวกับว่าเขาเป็นตัวอันตราย
“ข้าได้กลิ่นแปลกๆ จากชายผู้นี้” ชาพูดขึ้นพร้อมกับเงยหน้าขึ้นหลับตาเพื่อสูดกลิ่นกายของกวินอีกครั้ง
“มีอะไรรึเปล่ามายา” กวินถามขึ้นมาเมื่อเห็นสีหน้าตกใจของน้องสาว หันไปมองด้านหลังของตัวเองเพราะรู้สึกเหมือนมายาจะเห็นอะไรบางอย่าง แต่ทว่าเขาก็ไม่พบสิ่งใดผิดปกติใดๆ แม้แต่น้อย
“ตกใจหมดเลย!” มายาอุทานออกมาพร้อมกับหน้าหน้ามุ่ย ใช่ว่าเธอชินกับการที่ต้องอยู่ใกล้ปีศาจเช่นนี้ เพราะถ้าเขาโผล่มาแบบไม่ให้สุ้มให้เสียงแบบนี้อีก มีหวังคราวหลังเธอต้องขนหัวลุกไปอีกหลายวันแน่
“ตกใจอะไร?” คิ้วหนาของกวินขมวดมุ่น
“ตกใจตุ๊กแกค่ะพี่วิน เมื่อกี้มันโผล่ออกมาจากฝ้าเพดาน แต่ไม่รู้ว่าตอนนี้มันไปไหนแล้ว”
“สงสัยต้องให้บริษัทมาทำความสะอาดให้ ไม่ได้อยู่หลายปีมันโทรมลงไปเยอะเลย” ชายหนุ่มเงยหน้ามองฝ้าเพดานสีขุ่น ตอนแรกเขาไม่คิดว่าจะได้กลับเมืองไทยในเร็วๆ นี้ แต่ทว่ามีคำสั่งสายฟ้าแลบจากบอสให้กลับเมืองไทยด่วนที่สุด เขาเลยต้องกลับมาโดยที่ไม่ได้ทันได้เตรียมตัวอะไร
“ประหลาดมาก ข้าไม่เคยได้กลิ่นนี้จากผู้ใดมาก่อน” ชาเปรยขึ้นอีกครั้ง ขณะเคลื่อนตัวเข้าไปหาหนุ่มอีกคนด้วยสายตาที่ไม่น่าไว้วางใจ
มายาถลึงตาไปมองปีศาจหนุ่มที่กำลังบินวนเวียนอยู่รอบๆ พี่ชายด้วยความรู้สึกกึ่งโมโหกึ่งหวาดหวั่น ไม่รู้ว่าชาได้กลิ่นอะไรจากกวิน แต่มันต้องไม่ใช่เรื่องดีแน่ หากแต่ตอนนี้เธอต้องให้กวินช่วยเรื่องก้อนหินนั่นเสียก่อน
“มายาว่าพี่วินเคยเห็นนะ” ว่าแล้วสาวตัวเล็กก็หยิบโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมาเพื่อเปิดภาพก้อนหินที่เธอเซฟเอาไว้ ก่อนจะส่งมันไปให้กวินได้ดู แล้วชายหนุ่มก็ต้องยิ้มออกมา เพราะมันคือต้นเหตุที่ทำให้เขาต้องกลับมาประเทศไทยแทบไม่ทัน
“ยิ่งกว่าเคยเห็นแน่” กวินหัวเราะเบาๆ พร้อมกับยักคิ้วไปให้น้องสาวคนสวย “ไว้พี่จัดการเรื่องบ้านเสร็จเมื่อไหร่ พี่จะพามายาไปดูของจริงนะ แต่มายาต้องบอกพี่ก่อนว่าอยากเห็นไปทำไม”
“มายามีเพื่อนที่คาดว่าน่าจะอ่านอักษรโบราณพวกนี้ออกน่ะค่ะ เลยอยากจะให้เขาได้เห็นด้วยตัวเอง”
“จะพาเพื่อนไปด้วยเหรอ” ชายหนุ่มเลิกคิ้วสูง
“อ้อเปล่าๆ ค่ะ ขอโทษที อันที่จริงมีมายาแค่คนเดียว อยากเห็นของจริง จะได้ถ่ายรูปฝากเพื่อนได้ค่ะ” หญิงสาวรีบกลับคำแทบไม่ทัน
“ขอเวลาพี่ซักวันสองวันนะมายาแล้วพี่จะพาไปดู ว่าแต่เย็นนี้มายากินข้าวรึยัง” เมื่อได้ทีกวินก็ไม่ปล่อยให้โอกาสหลุดมือ
“เรียบร้อยแล้วค่ะ พอดีแม่ซื้อกับข้าวทิ้งเอาไว้ให้แล้วพี่วินล่ะ” ได้ยินน้องสาวตอบกลับมาดังนั้นหนุ่มหล่อก็อดเสียดายไม่ได้ แต่ไม่เป็นไรเพราะเขายังอยู่ที่นี่อีกนาน
“พี่คงหาอะไรกินง่ายๆ ที่โรงแรมไปก่อน ไว้วันมะรืนเราค่อยออกไปหาอะไรอร่อยๆ กินกันดีกว่า เพราะบ้านก็คงเสร็จพอดี พี่ไม่ได้กลับเมืองไทยซะนานเลยไม่รู้ว่าเดี๋ยวนี้มันเปลี่ยนไปแค่ไหนแล้ว มายาพาพี่ไปเปิดหูเปิดตาหน่อยก็แล้วกัน” พูดพลางเดินเข้าไปหาคนงานชายสามสี่คนที่ยืนรอเงินอยู่ข้างรถหกล้อหลังจากที่ขนเตียงและตู้ที่เขาลงทุนซื้อชุดใหม่มาไว้ที่บ้านเสร็จเรียบร้อยแล้ว
“ได้ค่ะ งั้นไว้วันมะรืนนะ พี่วินจะให้มายาไปหาที่ไหนล่ะ”
“เดี๋ยวพี่มารับก็ได้ พอดีเช่ารถเอาไว้ มายาจะได้ไม่ลำบาก” กวินส่งยิ้มวาววับมาให้ ก่อนจะจัดการล๊อกประตูบ้านให้เรียบร้อย
“โอเคค่ะ เย็นๆ มายาจะรอพี่วินอยู่ที่บ้านนะ”
“ได้ครับ งั้นวันนี้พี่ไปก่อนนะ จะต้องเตรียมเอกสารไปให้บริษัทในไทยซักหน่อย”
“ค่ะ แล้วเจอกัน” พูดแล้วมายาก็ยิ้มแก้มปริ ไม่คิดไม่ฝันว่าจะได้เจอกวินอีกครั้ง หญิงสาวเดินไปส่งชายหนุ่มยังรถที่เขาเช่ามา ก่อนจะโบกมือให้สุดแขนเมื่อเห็นรถเก๋งคันใหญ่แล่นออกไปจนสุดตา
“ชายผู้นั้นน่าสงสัยมีกลิ่นแรงเกินกว่ามนุษย์ทั่วไป” ชาค่อยๆ สาวเท้าเข้ามายืนเคียงข้างหญิงสาวที่กำลังหมุนตัวเดินกลับไปบ้านตัวเอง มายาตวัดมองเสี้ยวหน้าคมสันของปีศาจหนุ่มอย่างหมั่นไส้ที่จู่ๆ ก็มาว่าพี่ชายของเธอซึ่งไม่ได้เจอกันเป็นสิบปีว่าน่าสงสัย ไม่รู้ว่าปีศาจอย่างเขาแอบอิจฉาความหล่อของกวินรึเปล่าเลยพูดออกมาอย่างนั้น
“น่าสงสัยตรงไหน” น้ำเสียงของสาวน้อยติดห้วนน้อยๆ
“ข้าไม่เคยได้กลิ่นหอมรุนแรงเช่นนั้นจากมนุษย์ผู้ใดมาก่อน”
“น้ำหอมรึเปล่า ฉันก็ได้กลิ่นนะ” มายารีบแย้ง
ทว่าปีศาจรูปงามไม่ตอบคำถาม เขาบินขึ้นฟ้าด้วยปีกสีดำมหึมา พร้อมดวงตาแดงฉานที่ยังคงจดจ้องรถของกวินไปจนลับตา ก่อนจะบินกลับไปยืนกอดอกอยู่บนหลังคาบ้านด้วยท่าทางครุ่นคิด
“งอนเหรอ พูดแค่นี้ก็งอนเหรอ ปีศาจอะไรขี้งอนชะมัด” มายากระฟัดกระเฟียด เมื่อเห็นท่าทีเมินเฉยของชา เธอก็ไพล่นึกไปว่าเขาคงงอนที่เธอพูดเข้าข้างกวิน แต่หารู้ไม่ว่าที่จริงแล้วปีศาจหนุ่มกลับรู้สึกถึงพลังงานบางอย่างที่มันไหลเวียนอยู่ในร่างเมื่อได้สูดกลิ่นกายของกวินต่างหาก
มันเป็นพลังที่ทำให้เขาเกือบจะควบคุมตัวเองไม่อยู่เชียว...
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
สวัสดีวันพุธค่ะ
วันนี้เกือบไม่ได้มาอัพแล้วเชียว มัวแต่ยุ่งอยู่กับหลานลิงสองคนค่ะ
คนแรกก็ไม่ยอมฟังเราเล้ยยย คนที่สองก็ซนยิ่งกว่าลิง เอาเป็นว่าเหนื่อยค่ะ 555
ส่วนตอนที่แล้วและตอนที่ผ่านๆ มา ต้องขออภ้ยคนที่อ่านไปแล้วอย่างยิ่งนะคะ
ที่มีความผิดพลาดขนาดนั้นได้ ถ้าคุณgoldensun ไม่ทักมาก็อาจจะไม่เห็นก็ได้ค่ะ
คิดแล้วรู้สึกแย่มากๆ ต้องขอโทษอีกครั้งนะคะ ตอนนี้กลับไปแก้แล้วค่ะ พร้อมตอนอื่นๆ
แต่ถ้าหากว่ามีใครเห็นข้อผิดพลาดอีกก็สามารถบอกได้เลยนะคะ
จะเป็นความกรุณาอย่างสูงเลยค่ะ
ปล.ตอนนี้รวบตอน 2 กับ 3 เป็นตอนเดียวนะคะ ฉะนั้นตอนนี้ซึ่งที่จริงควรจะเป็นตอนที่ 4 จึงถูกเลื่อนขึ้นมาเป็นตอนที่ 3 ค่ะ :)
ขอบคุณ
คุณมุนีรัตน์ : ขอบคุณค่ะที่ยังไม่ทิ้งชา ^^
คุณคิมหันตุ์ : ขอบคุณค่ะ ^^
คุณgoldensun : ไม่มีแกล้งใครต่อแล้วค่ะ เพราะแก้ให้มายารู้สึกผิดไปเรียบร้อยแล้ว แหะๆๆ ต้องขอบคุณมากจริงๆ นะคะ สำหรับคำแนะนำ และต้องขอโทษด้วยที่มีข้อผิดพลาดขนาดนั้นได้ TT
คุณนางสาวปลาดาว : ขอบคุณที่ชอบนะคะ ^^
คุณBarby : อันที่จริงตอนนี้แก้เยอะมาก จนเริ่มตอบไม่ได้แล้วค่ะว่าพลังเพิ่มตอนไหน (อ้าว) 555
คุณZephyr : เอาไปทำอย่างอื่นดีกว่ามั้ยคะ อิอิ
และขอบคุณทุกคนที่ติดตามเรื่องนี้ด้วยนะคะ ^^
( ดารานิล )
www.facebook.com/daranilday
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 5 ก.ย. 2555, 22:12:01 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 5 ก.ย. 2555, 22:24:43 น.
จำนวนการเข้าชม : 1732
<< 2. เพื่อนใหม่ฉันเป็นปีศาจ | 4. กรุ่นกลิ่นกาย >> |

Gingfara 5 ก.ย. 2555, 23:15:03 น.
อั๊ยยะ อาการของชาแปลกๆนะเนี่ย คุมตัวเองไม่อยู่ มันคืออะไรน๊าาาา
อั๊ยยะ อาการของชาแปลกๆนะเนี่ย คุมตัวเองไม่อยู่ มันคืออะไรน๊าาาา

กาซะลองพลัดถิ่น 6 ก.ย. 2555, 01:03:26 น.
อย่าบอกนะ ว่าชาเป็นปีศาจเกย์ หุ หุ ล้อเล่นคะ ....อยากจะรู้ว่าชาได้กลิ่นอะไร หรือว่ากวินอาจจะไม่ใช่คนดีเท่าไร
อย่าบอกนะ ว่าชาเป็นปีศาจเกย์ หุ หุ ล้อเล่นคะ ....อยากจะรู้ว่าชาได้กลิ่นอะไร หรือว่ากวินอาจจะไม่ใช่คนดีเท่าไร

คิมหันตุ์ 6 ก.ย. 2555, 02:35:38 น.
เอ๋...มีกลิ่นหอม เป็นท่านเค้า แดกคิวล่าป่ะเนี่ย??
เอ๋...มีกลิ่นหอม เป็นท่านเค้า แดกคิวล่าป่ะเนี่ย??

นางสาวปลาดาว 6 ก.ย. 2555, 13:13:18 น.
กลิ่นหอมนี้ดีหรือไม่ดีน้า...
กลิ่นหอมนี้ดีหรือไม่ดีน้า...

goldensun 6 ก.ย. 2555, 23:41:34 น.
กลิ่นหอมที่ทำให้เกือบห้ามใจไม่ได้ ยังไงนะ แล้วจะเกี่ยวกับคนตายที่ตัวแห้งมั้ยเนี่ย
ไม่น่าใช่ฝีมือชา เอ แล้วอาหารของชาคืออะไร หรือไม่ต้องกิน
คุตพี่ชายชักจะคิดไม่ซื่อซะแล้ว
กลิ่นหอมที่ทำให้เกือบห้ามใจไม่ได้ ยังไงนะ แล้วจะเกี่ยวกับคนตายที่ตัวแห้งมั้ยเนี่ย
ไม่น่าใช่ฝีมือชา เอ แล้วอาหารของชาคืออะไร หรือไม่ต้องกิน
คุตพี่ชายชักจะคิดไม่ซื่อซะแล้ว


Zephyr 10 ก.ย. 2555, 18:09:06 น.
เห็นด้วยกะมะม้า ขอซักตน ได้มั้ยคะ อิอิ
เห็นด้วยกะมะม้า ขอซักตน ได้มั้ยคะ อิอิ