ธารปรารถนา
เพราะที่ดินฮวงจุ้ยเยี่ยม (หลังติดเขา หน้ามีน้ำ) ของยายแท้ๆ ที่พาปราณมาพบกับตอง หรือจะจริงอย่างที่ยายบอกว่าที่ดินผืนนี้เป็นมงคล จะนำโชคลาภมาสู่เจ้าของ จึงทำให้ตองได้พบคนดีๆ อย่างปราณ

แต่ทำไมการได้พบและคบหาคนดีๆ สักคนหนึ่งจึงได้ลากพาตองลงไปในกระแสธารแห่งความปรารถนาอันเชี่ยวกรากของใครต่อใครอีกหลายคน เรื่องชุลมุนวุ่นวายที่ไม่เคยประสบพบเจอก็ต้องมาเกิดขึ้นกับตัว

ตกลงที่ดินของยายเป็นมงคลหรืออัปมงคลกันแน่เนี่ย

แล้วตองจะป่ายปีนขึ้นจากธารปรารถนาร้อนร้ายสายนี้ได้ไหม ต้องไปติดตามพร้อมๆ กันค่ะ
Tags: รักอารมณ์ดี

ตอน: ตอนที่ ๖

เวลาผ่านไปหลายวินาทีกว่าทั้งคู่จะโผล่พรวดขึ้นมาบนผิวน้ำ ตองสำลักกระอักกระไอจนแสบจมูกแสบคอไปหมด แว่นสายตากรอบโตสีชมพูสดที่สวมอยู่เต็มไปด้วยม่านน้ำจนต้องถอดออก และทำให้เธอพบว่าใบหน้าคมเข้มของปราณอยู่ห่างจากเธอแค่คืบเท่านั้น และคนสายตาสั้นที่ไม่ได้สวมแว่นก็มองเห็นชัดเจนแจ่มแจ๋ว...มองเห็นกระทั่งแววหวานในดวงตาคมเข้มที่มองสบตาเธอนิ่งนาน...นานเหมือนโลกหยุดหมุนไปแล้ว

ให้ตายสิ...ลมหนาวที่พัดผ่านผิวกายและสายน้ำอันเยียบเย็นไม่อาจลดอานุภาพความร้อนผะผ่าวจากลมหายใจของเขาที่เป่ารดอยู่ตรงหน้าผากได้เลย และตอนนี้ความร้อนนั้นได้แล่นซ่านยึดพื้นที่บนใบหน้าตองไว้หมดแล้วด้วยสิ ตองเพิ่งรู้ตัวว่าแขนแข็งแรงของเขาเกี่ยวเอวเธอไว้ก็ตอนที่เธอผละออกห่างและโผเข้าหาโขดหินนี่เอง

แต่ครั้นจะปีนขึ้นจากน้ำ ตองก็รู้ว่ามีสิ่งผิดปกติรุนแรงเกิดขึ้นกับร่างกายเธอเสียแล้ว ข้อเท้าที่เจ็บๆ มาตั้งแต่รถล้ม และเธอใช้งานอย่างสมบุกสมบันมาตลอดสองสามวันที่ผ่านมา บัดนี้มันปวดหนึบจนขยับแทบไม่ได้ ตองแข็งใจดึงกายขึ้นนั่งบนก้อนหินได้สำเร็จ แต่ก็ปวดจนน้ำตาเล็ด

“เจ็บข้อเท้าหรือ” ปราณที่ตามขึ้นมาติดๆ และนั่งลงข้างๆ ถามพลางก้มมองข้อเท้าที่บวมเป่งและแดงจนน่ากลัว ตองพยักหน้าหงึกๆ สะบัดแว่นไล่หยดน้ำที่เกาะพราวออกให้ได้มากที่สุดก่อนจะสวมเข้าไปใหม่ และพินิจร่องรอยบาดเจ็บ พอเห็นชัดเจนขึ้นเท่านั้นดวงหน้าที่สดใสอยู่เป็นนิจก็เครียดเคร่งขึ้นทันที

“พลิกนิดเดียวทำไมมันเป็นเยอะขนาดนี้” เสียงตองสั่น ไม่ใช่ด้วยความเจ็บ แต่เป็นเพราะความหนาว

“ถ้าพลิกนิดเดียวคงไม่ลื่นไถลก้นกระแทกมาชนผมตกลงไปในน้ำนั่นด้วยกันหรอก ถ้าเป็นคนท้องนี่อาจถึงขั้นแท้งได้เลยนะเนี่ย” ปราณก้าวล่วงเข้าไปยังเรื่องที่ค้างคาใจอยู่ได้อย่างแนบเนียน

“ก็ถ้าฉันเป็นคนท้องคงไม่มาเดินตะลอนเที่ยวเล่นอย่างนี้หรอก” ตองแหวใส่ด้วยเสียงสั่นๆ นั่นแหละ หารู้ไม่ว่าคำตอบของเธอทำให้ริมฝีปากหยักสวยของชายหนุ่มเปิดยิ้มกว้าง...รอยยิ้มแบบนี้แหละที่เคยทำให้ตองต้องยิ้มตามมาแล้ว แต่ตอนนี้เธอไม่มีอารมณ์จะยิ้มให้ใครทั้งนั้น เพราะทั้งเจ็บทั้งหนาว หนาวจนฟันในปากกระทบกันดังกึกๆ และมือเล็กๆ ก็เริ่มเกาตามแขน ซอกคอ หลังหู และแก้ม เกาจนผิวที่แดงเรื่อๆ ขึ้นเป็นผื่นใหญ่ๆ อย่างน่ากลัว

ตองรู้แล้วว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้น เธอกัดฟันลุกขึ้นยืนแต่ก็ต้องทรุดฮวบลงมาอีก โชคดีที่ปราณซึ่งคอยระวังอยู่แล้วคว้าแขนไว้ทันและพยุงให้เธอนั่งลงที่เดิม

“ฉันเดินไม่ไหว” เธอสารภาพ มือยังคงเกาไปเรื่อยๆ หน้าตาเริ่มบวม “แล้วฉันก็แพ้อากาศที่เย็นจัดแบบนี้” เธอเว้นไปนิด สูดลมหายใจเข้าปอด ฟันกระทบกึกๆ “ถ้าคุณไม่อยากเห็นฉันกลายร่างเป็นคางคก รีบให้ฉันขี่หลังและพาฉันกลับบ้านเร็วๆ...ได้ไหม” ถ้าไม่มีสองคำท้ายประโยคนั่นปราณคงคิดว่าเธอกำลังออกคำสั่งมากกว่าขอความช่วยเหลือแน่ๆ

“ขี่หลังเลยหรือ” ปราณถามทวนให้แน่ใจ

“ก็ใช่สิ ฉันเดินไม่ไหว โทรศัพท์ก็จมน้ำไปแล้ว ไม่มีเทวดาอารักษ์ออกจากต้นไม้มางมให้เหมือนในนิทาน หรือคุณจะลงไปงมให้ล่ะ น้ำลึกขนาดนี้” เธอมองลงไปในแอ่งน้ำลึกที่สะท้อนเงาไม้จนกลายเป็นสีมรกต มือยังคงเกาตรงนั้นตรงนี้แม้ขณะที่พูดว่า “ถึงงมขึ้นมาได้ก็คงใช้ติดต่อใครไม่ได้อยู่ดี คุณให้ฉันขี่หลังออกไปน่ะดีแล้ว ตัวฉันไม่หนักหรอก คุณแบกได้สบาย”

“คือ...” ปราณไม่รู้จะบอกอย่างไรดี ไม่หนักตัว แต่หนักใจนะสิ ก็เธอตัวเปียกจนเสื้อกันหนาวที่เป็นผ้ายืดๆ แนบเนื้อหนังมังสาไปหมด แล้วการขี่หลังน่ะ มันใกล้ชิดจนทำให้จิตใจปั่นป่วนได้ง่ายจะตายไป...เขาไม่ได้คิดทะลึ่งนะเออ...แต่มันเป็นอย่างนั้นจริงๆ

“คุณจะลีลาไปถึงไหนกันเนี่ย ปกติฉันไม่ขอขี่หลังใครง่ายๆ หรอก คุณเป็นผู้ชายคนที่สามที่โชคดีได้รับเกียรตินั้นเชียวนะ ถึงสารรูปฉันตอนนี้จะใกล้คางคกเข้าไปทุกที”

ปราณมองหน้าหญิงสาวที่บัดนี้ผื่นลมพิษขึ้นตะปุ่มตะป่ำจนบวมฉึ่งไปทั้งหน้า แม้แต่เปลือกตาบอบบางยังบวมเป่งจนแทบจะปิด ตาที่เคยกลมโตจึงหลุบหรี่อย่างน่าขัน ถ้าเธอเป็นคางคก...ก็คงเป็นคางคกที่น่ารักที่สุดในโลก...

ถ้าได้รับจูบจากชายหนุ่ม คางคกจะกลายเป็นเจ้าหญิงไหมนะ...ปราณคิดอย่างครึ้มใจ แต่เห็นแม่คางคกน้อยทำท่าจะชักแม่น้ำทั้งห้าขึ้นมาอีกคำรบ ชายหนุ่มจึงตัดบทโดยการช้อนร่างบางไว้ในอ้อมแขนแล้วลุกขึ้นยืน...ยังไงอุ้มไปก็คงดีกว่าให้ขี่หลังเป็นแน่แท้

ตองซึ่งยังไม่ทันตั้งตัวจึงผวาคว้าคอเสื้อเขาไว้โดยอัตโนมัติเพราะกลัวตก ก่อนจะตวัดค้อนใส่เขาวงใหญ่ ปราณอมยิ้ม...ช่างเป็นรอยยิ้มที่กรุ้มกริ่มเหลือเกินละ

หญิงสาวยังยังคงเกาเป็นลิงมาตลอดทาง ยิ่งเกาผื่นก็ยิ่งขึ้นและลุกลาม จนปราณต้องปราม

“ถ้าไม่หยุดเกามันจะลามไปทั้งตัว”

“ยังไงมันก็ลามทั้งตัวอยู่แล้ว คันมันก็ต้องเกา ไม่เกาจะหายคันได้ไง เดินๆ ไปเถอะน่า” ตองบ่นด้วยความหงุดหงิด

“อ้อ คัน เกาแล้วหาย งั้นเดี๋ยวจะปล่อยให้นั่งเกาอยู่ตรงนี้ หายแล้วก็เดินกลับไปเองละกัน” ปราณทำท่าจะวางเธอลงจริงๆ ตองยึดแจ๊กเก็ตเขาไว้แน่น

“จะบ้าหรือคุณ ที่ฉันต้องพึ่งพาคุณไม่ใช่เพราะฉันคัน แต่เพราะขาฉันเดี้ยงต่างหาก ถึงหายคันฉันก็เดินกลับเองไม่ได้” ตองแหวใส่ และพบว่าข้อเสียของการถูกอุ้มคือจะถูกวางทิ้งไว้เมื่อไรก็ได้นี่แหละ แต่ถ้าได้ขี่หลังรับรองเธอเกาะแน่นเป็นตุ๊กแกไม่ยอมให้ใครทิ้งง่ายๆ แน่

“โธ่...นึกว่าจะเก่ง” ปราณทำเสียงปรามาส

“ถ้าคุณเมื่อยแขนให้ฉันขี่หลังก็ได้นะ” ตองต่อรอง

“ไม่ละ ผมชอบเป็นที่หนึ่งมากกว่าที่สาม”

“ที่หนึ่งที่สามอะไรของคุณ” ตองทำหน้างงพอๆ กับเสียง

“อ้าวก็คุณบอกว่าผมเป็นผู้ชายคนที่สามที่โชคดีได้คุณมาขี่หลัง แต่ผมไม่ชอบเป็นรองใคร” ปราณสังเกตว่าเวลาถูกยั่วแหย่ตองจะลืมความคันและหยุดเกาได้เป็นพักๆ

“อ๋อ...แน่ะ...คิดเล็กคิดน้อยยังกับสาวๆ”

“ถ้าพูดจาไม่น่าฟังผมจะวาง” เขาทำท่าจะวางอีกแล้ว ตองต้องเกาะเสื้อเขาไว้แน่นอีกตามเคย ปราณกลั้นยิ้มทำหน้าขึงขัง

“ได้ๆ ฉันจะไม่พูดอะไรขัดหูขัดใจคุณอีก” ตองยอมจำนน ในสถานการณ์นี้ยังไงก็ต้องพึ่งพาเขาไว้ก่อน

“แล้วบอกได้ไหมว่าสองคนแรกที่ตองไปขี่หลังเขาน่ะเป็นใคร”

“ถามทำไม” ตองเริ่มรวนอีกแล้ว เขามีสิทธิ์อะไรมาก้าวล่วงเรื่องส่วนตัวของเธอ

“ก็อยากรู้...จะตอบ...หรือไม่ตอบ” เขาถามเสียงยียวน แถมหยุดเดินดื้อๆ มิหนำซ้ำยังก้มลงมาจนลมหายใจอุ่นๆ รินรดหน้าผากเธออีกต่างหาก ตองหายใจไม่ทั่วท้อง ความรู้สึกแสนแปลกที่แล่นซ่านสู่ห้วงหัวใจทำให้ตองไม่อาจสบตาคู่นั้นได้นานนัก

“พ่อ...กับบัดดี้ฉันตอนปีหนึ่ง ตอนรับน้องเขาให้เล่นเกมส์ขี่ม้าส่งเมือง” ตองแข็งใจตอบ เสียงสั่นปากสั่นไปหมด หนึ่งเป็นเพราะหนาวนั้นแน่นอนละ และสองอาจเป็นเพราะแรงสั่นสะเทือนในหัวใจนั่นก็ได้

ปราณพยักหน้ายิ้มพอใจก่อนจะออกเดินต่อ แขนของเขากระชับตองแน่นขึ้น แม้ตองจะพยายามไม่สนใจ แต่ไม่รู้ทำไมสิ สัมผัสของเขากลับทำให้ตองมั่นใจว่าอ้อมแขนนี้จะไม่อ่อนล้าจนปล่อยให้เธอหล่นตุ้บลงไปอย่างที่เธอนึกกลัว และสีหน้าแววตาของเขาทำให้ตองเชื่อใจว่าตนจะไม่ถูกวางทิ้งไว้ตรงไหนเด็ดขาด

แต่ทั้งหมดทั้งมวลนั้นทำให้ตองอับอายสารรูปที่เต็มไปด้วยผื่นลมพิษของตัวเองเหลือเกิน สภาพของเธอตอนนี้คงไม่ต่างจากคางคกในอ้อมแขนเจ้าชายรูปงามกระมัง คิดแล้วตองก็หลับตาหนีความจริงเสียดื้อๆ




ปราณขับรถขึ้นมาจอดหน้าบ้านตอง พวงแสดออกมาชะเง้อมอง พอเห็นปราณในสภาพเปียกปอนเปิดประตูลงมาเดินอ้อมหน้ารถแล้วอุ้มตองซึ่งมีสภาพแย่กว่าเขาไม่รู้กี่เท่าออกมา พวงแสดก็ตกใจทักถามด้วยความเป็นห่วง

“เกิดอะไรขึ้น ทำไมกลับมาในสภาพนี้”

“ตองขาพลิกน่ะยาย หัก ซ้น หรือแพลงก็ไม่รู้” ตองทำเสียงอ้อน ทั้งที่หน้าตายังบวมตุ่ย พวงแสดเดินนำปราณเข้าไปยังห้องนั่งเล่น ชายหนุ่มวางร่างบางลงบนโซฟา

“เดี๋ยวคงต้องไปหาหมอครับคุณยาย เพราะเท้าตองลงน้ำหนักไม่ได้เลย” ปราณรายงานอาการเสร็จสรรพ

“ตองขอเปลี่ยนเสื้อผ้าและกินยาแก้แพ้ก่อนได้ไหมยาย ตองคันคะเยอไปทั้งตัวแล้ว”

“โอ้ย...แย่จัง ยายก็แขนหัก หลานก็ขาเดี้ยง” พวงแสดบ่น แล้วหันรีหันขวางเหมือนไม่รู้จะจัดการอย่างไรดี เกือบนาทีกว่านางจะตั้งสติได้ “คุณปราณไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนแล้วกัน เดี๋ยวทางนี้ยายจัดการเอง เออ ยายต้องไปหาเสื้อผ้ามาให้คุณเปลี่ยนก่อนสินะ” พูดจบพวงแสดก็ออกไปจากห้อง ปล่อยให้หนุ่มสาวอยู่ด้วยกันลำพังในห้องนั่งเล่นตามลำพัง ตองนั่งพิงพนักโซฟาหลับตานิ่งนาน แว่นกรอบโตตกลงมาอยู่บนปลายจมูก ดวงตาบวมเป่งเปิดปรือมองเขา และเสียงถามเนิบเนือยก็ตามมา

“ฉันน่าเกลียดมากใช่ไหม ถึงจ้องเอา จ้องเอา”

“เปล่า” ปราณปฏิเสธเสียงนุ่ม เขารู้สึกสงสารเธอมากๆ ต่างหาก แล้วยังคิดต่อไปด้วยว่าแล้วจะอยู่กันยังไง หญิงชราที่แขนยังหุ้มด้วยเฝือกกับหญิงสาวที่ขาบาดเจ็บช่วยตัวเองได้ไม่เต็มที่

“คุณเป็นผู้ชายคนแรกที่โชคดีมากได้เห็นฉันในสภาพนี้” สภาพที่บิดาของเธอเองยังไม่เคยมีโอกาสได้เห็น “ถือว่าเป็นบุญตา”

ปราณยิ้มกับอารมณ์ขันฝืดๆ ของเธอ ชายหนุ่มไม่ได้ตอบโต้ใดๆ ได้แต่มองเธอนิ่งนาน เมื่อเห็นดวงตาที่บัดนี้หรี่เล็กมองเขาขุ่นขวาง แล้วตามมาด้วยเสียงเหวี่ยงเบาๆ

“มองอะไรนักหนาเล่า”

ชายหนุ่มอดเย้าไม่ได้ “ก็เป็นผู้โชคดี ได้เห็นอะไรที่ถือเป็นบุญตา ก็ต้องมองให้คุ้มหน่อยสิ”

ตองยังไม่ทันขยับปากตอบโต้ ระฆังพักยกก็ดังขึ้น

“ได้แล้วค่ะคุณปราณ ที่นี่มีแต่ผู้หญิงทั้งนั้น เสื้อผ้าผู้ชายที่พอมีติดบ้านก็เป็นเสื้อผ้าของพ่อตองเขาน่ะ เก่าหน่อยนะคุณ” หญิงชรายื่นเสื้อม่อฮ่อมสีน้ำเงินเก่าซีดกับกางเกงที่ตัดจากผ้าชนิดเดียวกันมาให้ชายหนุ่มพร้อมด้วยผ้าขนหนูผืนโตอีกผืนหนึ่ง

“ห้องน้ำอยู่ด้านนี้” หญิงชราพยักหน้าแล้วเดินนำออกจากห้องนั่งเล่นมายังห้องน้ำซึ่งมีประตูสองด้าน ด้านหนึ่งติดกับทางเดินข้างน้องนั่งเล่น อีกด้านเปิดจากห้องนอนของตอง

“เชิญตามสบายค่ะ จะอาบน้ำก็ได้นะไม่ต้องเกรงใจ เดี๋ยวยายไปดูตองก่อน” พูดจบพวงแสดก็ผละจากไป

เมื่อหลุดเข้ามายืนในห้องน้ำกว้างขวางแล้ว ปราณจึงได้รู้ว่าทำไมแม่สาวแว้นแว่นโตที่ตอนนี้กลายร่างเป็นคางคกน้อยถึงได้มีกลิ่นกายหอมสะอาดไม่ซ้ำกันสักวัน ก็ดูบนชั้นวางของชิดผนังนั่นสิ ขวดบรรจุครีมอาบน้ำเรียงรายเป็นแถวยาว ต่างสีต่างกลิ่นจนเขาที่เคยชินกับการใช้ครีมอาบน้ำแบบเดิมซ้ำๆ อดประหลาดใจไม่ได้ ใช่แต่ครีมอาบน้ำเท่านั้น แชมพูสระผมและครีมนวดก็มีหลากหลายกลิ่น นี่ชั้นวางของในห้องน้ำหรือชั้นเรียงสินค้าในซูเปอร์มาเก็ตกันแน่เนี่ย

ทีแรกปราณก็ไม่ได้คิดจะอาบน้ำหรอก แต่เมื่อหยิบขวดครีมอาบน้ำมาเปิดพิสูจน์กลิ่นทีละขวดแล้วก็อดใจไม่ไหว เมื่อชายหนุ่มกลับเข้ามาในห้องนั่งเล่นในเสื้อผ้าชุดใหม่ เนื้อตัวของเขาจึงหอมกรุ่นด้วยกลิ่นเปปเปอร์มิ้นต์หอมสดชื่นจนร่างบางที่บัดนี้เปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยและนอนซุกอยู่บนตักพวงแสดเหมือนคางคก เอ้ย...ลูกแมวขี้อ้อนต้องเงยหน้ามอง ดวงตาหลังกรอบแว่นนั่นเหมือนจะยิ้มได้ขึ้นมาแวบนึง

ปราณกางแขนก้มมองตัวเอง แล้วขอความเห็น

“มันดูตลกมากเลยหรือ”

พวงแสดแค่ยิ้มละไม แต่คนที่นอนอยู่บนตักค่อยๆ ยันกายขึ้นนั่ง

“ไม่ตลก แค่แปลกตา” เสียงตอบอู้อี้ เพราะคนพูดมีผ้าลายดอกไม้สดใสโพกหน้ามิดชิดโผล่แต่ลูกตา

“คิดซะว่าเป็นบุญตาละกัน” เขายกคำพูดของเธอมาอ้างบ้าง “เรารีบไปหาหมอกันดีกว่า ก่อนที่ข้อเท้าตองจะอักเสบมากกว่านี้”

“ต้องรบกวนคุณอีกแล้ว” พวงแสดเอ่ยเสียงเนิบนุ่ม แววตาท่าทีอ่อนลงมาก

“ไม่เป็นไรครับ เอ่อ คุณยายจะว่าอะไรไหมครับถ้าผมจะ...อุ้ม...ตองไปที่รถ” เสียงทุ้มเอ่ยอย่างนอบน้อมเกรงอกเกรงใจ

“ถ้าตองเดินไหวยายคงไม่มีทางยอมหรอก”

ปราณมั่นใจว่านั่นเป็นคำอนุญาต เขาค้อมศีรษะให้พวงแสด ก่อนจะก้มลงช้อนร่างบางที่มีเสื้อผ้าหนานุ่มและอบอุ่นสวมทับไว้อย่างมิดชิดขึ้นไว้ในอ้อมแขน

ตองเหลือบมองแนวคางที่มีรอยหนวดเคราเขียวครึ้ม...ถ้าเดินเองไหว...เธอก็ไม่ยอมให้ใครอุ้มไปง่ายๆ อย่างนี้เหมือนกันแหละ




(ยังมีต่ออีกค่ะ ยังไม่จบตอนน้า)



ภาวิน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 11 ก.ย. 2555, 20:53:15 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 11 ก.ย. 2555, 21:02:35 น.

จำนวนการเข้าชม : 1505





<< ตอนที่ ๕ (ต่อจนจบ)   ตอนที่ ๖ (ต่อจนจบ) >>
ภาวิน 11 ก.ย. 2555, 21:01:51 น.
สวัสดีค่ะ กลับมาแล้วววว ค่ะ นำบุญและนิยายตอนใหม่มาฝากตามที่รับปากไว้ อ่านแล้วชอบไม่ชอบอย่างไรท้วงติงติชมกันได้ตามสบายเลยนะคะ ถ้าอ่านอล้วชอบ ก็กดไลค์ให้สักจึ๊กนะคะ อ้อนวอนนนนน ^_^

คุณ Barby ขอบคุณค่ะที่เป็นแฟนพันธ์แท้กันมา ดีใจจริงๆ ที่อ่านแล้วชบ ตรงไหนไม่ชอบก็บอกได้เหมือนกันนะ จะได้เอาไปปรับปรุง

คุณ ปีศาจสัญจร เพิ่งเคยพบกันครั้งแรก แต่ดีใจที่อ่านแล้วชอบนะ อย่างนี้ต้องตามมาอ่านเรื่อยๆ อย่าได้หยุด จะได้รู้ว่าการเสียมือถือไปหนึ่งเครื่องนั้น จะได้อะไรคืนกลับมาอีกมากมาย

คุณ nunoi ก็เอาคืนไงคะ แบบว่าทำตัวให้ตองคิดถึง จะได้รู้สึกซะบ้าง


ปิศาจสัญจร 11 ก.ย. 2555, 22:04:07 น.
มาต่อเร็วๆนะคะ


อสิตา 11 ก.ย. 2555, 22:23:51 น.
ตอนนี้น่ารักมากๆ ชอบคางคกเอ๊ยลูกแมวขี้อ้อน
ป.ล.เสียดายโทรศัพท์


บุลินทร 12 ก.ย. 2555, 01:05:14 น.
รีบมาลงต่อเร็วๆนะครับ เบ่งมันออกมา อึ๊บ (ต้นฉบับนะ อย่าเข้าใจผิด ฮ่าๆๆๆ)


nunoi 12 ก.ย. 2555, 11:40:29 น.
ตอนนี้น่ารักมากๆ มาต่อเร็วๆนะคะ


Barby 12 ก.ย. 2555, 21:14:55 น.
ชอบจัง น่าร๊ากกอ่ะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account