ลิขิตพราย โดย วงแหวนดาวเสาร์ สนพ.อรุณ
ชายหนุ่มคนหนึ่งเดินทางรอนแรมไปในหนทางมืดมิด
มีเพียงเสียงหริ่งเรไรและหิ่งห้อยนำทาง
เขากำลังหนีจากสังคม ผู้คน มาเพื่อตามหาสิ่งหนึ่งซึ่งถูกซุกซ่อนเอาไว้ในป่าลึก... “บ่อพราย”
ตำนานเล่าขานกันว่าหากใครได้ส่องดูเงาตนเองที่บ่อในคืนเดือนมืด คนผู้นั้นจะมองเห็นสิ่งที่ตนตามหา

พี่นนท์คนใหม่กลายเป็นอีกคนที่เพลงพิณไม่รู้จัก จากผู้ชายขี้แพ้ สุภาพ อ่อนโยน ไม่สู้คน
กลายเป็นกระด้าง ปราดเปรียว สนุกกับชีวิตในเวลาที่ได้เอาชนะทุกสิ่งด้วยแววตาทรงพลังจนน่าขนลุก
ชั่วเวลาไม่กี่เดือนสรานนท์กลับกลายจากคนหมดตัวไปเป็นตากล้องมาแรงที่สุดในขณะนั้น
เขาเปิดนิทรรศการภาพถ่ายชวนพิศวงและดูสูงค่าจนเหล่าเศรษฐีแทบจะเหยียบกันเพื่อแย่งชิงไปไว้ในครอบครอง
ด้วยแรงดึงดูดแปลกประหลาดราวกับไม่ใช่พลังจากน้ำมือมนุษย์
Tags: สรานนท์ เพลงพิณ ธิติ พล กมลณัฐ บ่อพราย

ตอน: บทที่ ๓ กล่องแห่งความทรงจำ(ต่อ-จบบท) + แจ้งเรื่องการลงตอนพิเศษมายาไฟฯ

สำหรับตอนพิเศษมายาไฟในดวงตา ขอพักสักครู่นะคะ
เพราะมีต้องแก้นิดหน่อย ปรับจุดเชื่อมโยงไปสู่ภาคต่อ “โมรารัตติกาล”
น่าจะเอามาลงได้ในอีกไม่ช้า ต้องขออภัยในส่วนขัดข้อง
เอิ๊ก อดทนหน่อยน้าเหล่าแม่ยกหนูอัคนิ
...มาอ่านลิขิตพรายก่อนเร๊ว เรื่องนี้มีหนุ่มน่ากินถึงสองนายนะจ๊ะ
พี่พราย เอ๊ย พี่นนท์+พี่พล



“คุณไปรอผมที่โซฟา อรดี...”
ชายหนุ่มพูดเหมือนสั่งขณะเดินไปรินเครื่องดื่มอย่างพิเศษสำหรับแขกคนพิเศษโดยเฉพาะ

“คุณธิติดูอารมณ์ไม่ค่อยดีนะคะ” อรดีถามอย่างระวัง ตั้งแต่ตัดสินใจหันหลังให้ชีวิตเดิมๆ
กับผู้ชายชื่อสรานนท์คนเก่า หญิงสาวก็เลือกที่จะดีกับคนให้ถูกคน อย่างที่จะไม่ทำให้
ตัวเอง ‘เสียเวลาเปล่า’ เหมือนที่เคยเสียไปเป็นปีๆ ในอดีต
แต่น่าเสียดาย เมื่อวานเธอเพิ่งเดินเกมพลาด เหยื่อตัวใหญ่ที่ติดเบ็ดยอมหมั้นกับอรดีแล้ว
อย่างปราชญ์ดันหลุดมือไปได้อย่างไม่พอที่เลยสักนิดเดียว หญิงสาวรู้สึกกดดันอย่างยิ่ง
กับเรื่องดังกล่าว แต่ไม่มีเวลาพอจะคร่ำครวญเสียดมเสียดาย...เธอจะต้องได้เหยื่อใหม่
อรดีเร้นความรุ่มร้อนไว้ภายใต้รอยยิ้มหวานระรื่น เหยื่อของเธอไม่น่าจะใช่ใครที่ไหน
ตากล้องกิติมศักดิ์ตรงหน้าคนนี้ที่เธอต้องรีบร้อนมาหานี่ไง

“ช่างเถอะ ว่าแต่ที่คุณตัดสินใจมาหาผมตามคำเชิญ กลัวคู่หมั้นจะรู้ไหมครับเนี่ย หรือขออนุญาตแล้ว”

“ฉันเลิกกับไอ้งั่งนั่นแล้ว...”

“ไอ้งั่งนั่น หมายถึงนายปราชญ์คู่หมั้นของคุณหรือ” ธิติเลิกคิ้ว พรายยิ้มสมใจ

“ใช่ ชื่อปราชญ์เสียเปล่า โง่เง่าสิ้นดี... หลังงานวันเกิดเขาเมื่อคืนเราทะเลาะกันแรงมาก”

“เห็นคุณยังไม่คืนแหวน” ธิติพูดเรียบๆ อรดีไม่เห็นรอยเสียดสีในดวงตาเขาเพราะมัวแต่ก้มลงมองมือตน

หญิงสาวเบ้ปากยามตอบเสียงขึ้นจมูกอย่างถือดี “ฮึ เขายกให้ฉันค่ะ...”
อันที่จริงปราชญ์ไม่ได้พูดถึงแหวน แต่หญิงสาวถืออย่างเข้าข้างตัวเองว่ามันควรจะเป็น
ค่าเสียหายชดเชยให้ฝ่ายหญิง คนอย่างเขาคงไม่ใจแคบขนาดมาทวงของคืน อรดีคิดว่า
ตนเองรู้จักเขาดี ข้อสำคัญที่สุด...เธอยังหวังว่าเมื่อคืนจะเป็นแค่อารมณ์ชั่ววูบ เรื่องที่
คู่หมั้นหนุ่มบอกเลิกกับเธอ

“คุณคงคิดว่าอีกสักพักก็กลับไปดีกันได้ใหม่” ธิติเอ่ยลองเชิง

“ช่างมันเถอะค่ะ ตอนนี้ถือว่าเลิก ฉันเป็นอิสระ อย่างน้อยก็ชั่วคราว...” อรดีเงยขึ้น
ยิ้มให้คนที่เดินมายืนค้ำตัวเธอที่เอนอยู่บนโซฟา มือเรียวบอบบางเอื้อมขึ้นแตะสัมผัส
มือคล้ำแข็งแรงที่ยื่นแก้วมาให้ผะแผ่ว คล้ายมิได้ตั้งใจ

แน่นอนว่าหลังจากนั้นรูปที่จะถ่ายกันวันนี้คงไม่ใช่หยุดอยู่แค่เพียงแค่หัวข้อที่ชื่อว่าความต้องการ
หากแต่เป็น ตัณหา ราคะ...และอรดี



สรานนท์ลืมตา เห็นเพดานห้องนอนที่คุ้นตา ผนังปูนเรียบแบบดิบๆ สีหม่นแลดูเย็นชื้น
ถึงตอนนี้เขาก็ไม่คิดจะติดวอลเปเปอร์ ทั้งที่ห้องเก่าห้องเดิมถูกตกแต่งใหม่จนเปลี่ยนไปมาก
เหมือนกับตัวตนของเขา...

ที่กั้นแบ่งส่วนในห้องเป็นกระจกใส ม่านน้ำรินไหลอาบแผ่นกระจกลงมาจากเพดาน
ยินเสียงน้ำรินลงสู่กอพืชในรางน้ำตื้นๆ ประดับหิน

ห้องนี้ ตึกนี้มีความสำคัญกับเขา ไม่ใช่เพราะมันเป็นมรดกหรืออยู่ในทำเลที่ดีเยี่ยม
แต่มีอะไรมากมายเกินกว่านั้น ความทรงจำที่เปราะบางของเขากับพ่อ
สรานนท์เอาตึกที่ควรจะตกเป็นของธิติคืนมาได้โดยต้องจ่ายแพงลิบ
อาจเป็นเพราะเหตุนั้น เพื่อนหรืออดีตเพื่อนของเขาจึงยอมปล่อยมือ

ด้วยเหตุที่ว่าเมื่อคืนเขาใช้พลังไปมากกว่าที่ตั้งใจ สรานนท์จึงรู้สึกง่วงไม่สร่างซ่า
ในความครึ่งหลับครึ่งตื่น เขาพลิกตะแคง ตาที่หรี่ปรือมองยังเห็นภาพใหญ่บนผนัง
ภาพถ่ายพวกนี้มีความหมายกับเขา เขาต้องการค้นหาคำตอบบางอย่างจากพวกมัน...

พรายน้ำ นามแฝงของศิลปินนักถ่ายภาพผู้ไม่เปิดเผยตัว ว่ากันว่าบุคคลผู้นั้น
เสียชีวิตไปนานแล้ว ตั้งแต่ก่อนที่ภาพชุดหลังๆ ของเจ้าตัวจะถูกทยอยนำออกมา
สู่สายตาให้ได้ประมูลซื้อขายกัน พ่อเขาชอบภาพวาดของศิลปินคนนี้ นั่นอาจ
เป็นอย่างเดียวที่เขาและพ่อคิดเหมือนกัน อย่างเดียวจริงๆ ที่สรานนท์จำได้...

ปู่เขาเป็นมหาเศรษฐี เป็นเกลอกับบ้านของพลและธิติมาตั้งแต่ครั้งเก่าก่อน
ครั้นรุ่นพ่อ พ่อของพลได้เป็นเจ้าสัว พ่อธิติเป็นเสี่ย... แต่พ่อเขากลับเป็นนายเฉยๆ
ไม่สิ ตกต่ำกว่านั้น เป็นผีการพนัน และสุดท้าย เป็นฆาตกร

คนอ่อนแออย่างพ่อ จะฆ่าใครได้จริงหรือ เขาอยากจะรู้นัก

สรานนท์พยายามลืมตาขึ้นมาใหม่ แต่หนังตายังหนักอึ้ง พอๆ กับใจ
ที่ถูกพันธนาการด้วยสัญญาบางประการ

เขาถอนใจ รู้สึกเจ็บแปลบที่ข้อมือเมื่อนึกถึงเพื่อนร่วมสาบานที่วันนี้กลายเป็นอดีต
คนรักเก่าที่กลายเป็นเพียงความทรงจำ แต่ตอนนี้เขายังเจ็บใจไม่คลาย...
คงเหลือแต่พลกับเพลงพิณที่ยังเป็นเพื่อน แม้ว่าเพื่อนอย่างไอ้พลตัวมันจะจากไปไกล
แต่คำพูดหนึ่งที่สรานนท์ยังจำได้ พลเคยพูดอะไรคล้ายกับที่เขากำลังรู้สึก
ตอนที่ตัวมันเองอกหัก นานมาแล้ว
‘เรื่องดีๆ ระหว่างคนสองคน เมื่อเวลาผ่านเลยไป ถ้าคนแรกลืมไปแล้ว
คนที่ยังจำได้ก็จะเจ็บปวด แต่ถ้าทั้งคู่ลืมมันไปเหมือนๆ กัน
ก็ไม่ต่างกับสิ่งนั้นไม่เคยเกิดขึ้นเลย อดีตที่ไม่มีใครจดจำ...’

ชายหนุ่มเคลิ้มลงอีกครา อยากพักอีกสักหน่อย ก่อนที่จะลุกออกไปสู้ต่อ
เพื่อทำตามข้อตกลงเร้นลับบางอย่างที่ผูกมัดจิตใจตนไว้ให้เป็นจริง เขาจะต้องวางแผน
ต้องแข็งแกร่ง ไม่ยอมเจ็บปวดเพราะใครอีก ถ้าหัดลืมบ้างเขาคงไม่ต้องเจ็บ ถูกแล้ว...
ต่อจากนี้เขาไม่จำเป็นต้องจำว่าคนที่ทำร้ายเขาเคยสำคัญยังไง คนอื่นต้องการอะไรจากเขา

ระลึกอยู่แค่ความต้องการของตัวเอง เพียงเท่านั้นก็พอ




“ตกลงตามที่เขาประชุมกัน สรุปว่าเดือนหน้าพี่ณัฐจะได้ขึ้นเป็นหัวหน้าคุมงานพวกเรา
แทนพี่เลย์ อาร์ตไดฯ ที่ลาออกไป” ปลาพูดขึ้นที่โต๊ะในโรงอาหารของบริษัทหลังมื้อเย็นง่ายๆ
ของเหล่าคนซึ่งอยู่ทำงานจนเย็นผ่านพ้นไป

กมลณัฐดูเหมือนจะไม่ค่อยได้ฟังว่ารุ่นน้องคู่หูพูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องตำแหน่งอาร์ตไดเร็คเตอร์
หรือผู้มีหน้าที่กำกับดูแลว่าแนวทางและรูปลักษณ์หน้าตาของสื่อสิ่งพิมพ์ควรดำเนินไปทิศทางไหน
ทั้งนี้ก็สุดแต่ว่าองค์กรจะกำหนดบทบาทหน้าที่ให้ เพราะของแต่ละที่ก็มีขอบเขตงานต่างกันออกไป

สิ่งที่หญิงสาวมัวสนใจอยู่ก็คือการมองจานข้าวของเพลงพิณที่พร่องไปแค่ครึ่ง
“ทานเหลือเยอะแยะเลย ทุกทีคุณเพลงทานข้าวเกลี้ยงนะ เห็นเอวบางร่างน้อยแบบนั้น”

“เธอคงคิดอะไรเพลินมั้ง” ปลาว่าแล้วมองตามอีกฝ่ายว่า สายตาคนร่างอวบวาบขึ้น
เมื่อเห็นลูกชิ้นแกงเขียวหวานที่ยังเหลือ นี่ถ้าไม่มีคนอยู่จะจกเข้าปากเสียให้หมด
ของเหลือก็ของเหลือเถอะ ของคนรู้จักจะเป็นไรไป...

“ปกติคุณเพลงทานข้าวจนอิ่ม เพราะไม่ค่อยสนเรื่องของหวาน แต่รู้สึกจะชอบไอศกรีม
เชอร์เบทรสผลไม้เปรี้ยวๆ แบบที่ไม่มีนมอยู่เหมือนกัน” กมลณัฐยังไม่เลิกละเมอ

“รู้ละเอียดนัก...แถมเวลาคุณเพลงเข้ามาใกล้ๆ ก็หน้าแดงแลวแดงอีก สงสัยจะเป็นไบ
จริงๆ สินะพี่ณัฐ เพราะปลาเห็นพี่เก็บรูปดาราหนุ่มๆ หล่อๆ หลายคน จะว่าเป็นทอมก็คงไม่เชิง”

“ทะลึ่ง ฉันเก็บไว้เพราะผู้ชายหล่อก็ถือเป็นอะไรสวยๆ งามๆ สำหรับคนรักศิลปะเว้ยเจ้าปลา
แกอย่ามาทำเป็นรู้ดี ฉันเอาไว้จินตนาการถึงพระเอกหล่อๆ นิยายที่ตัวเองต้องทำปกอยู่
ทุกวี่ทุกวันนี่ไง ไม่งั้นอารมณ์รักมันจะผุดมาจากไหน”

“นั่นสิพี่ ชีวิตสาวโสดนี่วันๆ ห่อเหี่ยวเหมือนจะตาย” ปลาถอนหายใจคล้ายบ่นเรื่องของตัวเอง
ออกมามากกว่าเรื่องกมลณัฐ “อีกหน่อยพี่ณัฐก็ต้องเป็นอาร์ตไดแล้ว ปลาจะอยู่กับใคร”
ผู้บ่นรัวเท้าอยู่ใต้โต๊ะเหมือนกับเด็กที่ไม่ได้อย่างใจ ก็รู้ทั้งรู้ว่าตนเองเพิ่งผ่านโปรมาได้ไม่ถึงปี
แต่กมลณัฐทำงานที่นี่มาหลายปีดีดัก สมควรจะได้เลื่อนตำแหน่งเสียที บวกกับฝีมือสุดเนี๊ยบ
ไม่ว่าจะได้รับงานแนวไหนมา ทั้งยังมองคอนเซ็ปต์ขาด แถมยังทำงานเร็วเหมือนติดจรวด
จะมีใครเหมาะกว่านี้อีก

กมลณัฐแยกเขี้ยว ยื่นเท้าในรองเท้าผ้าใบเท่ๆ ของตนไปเหยียบกดเท้าที่กำลังกระทืบเร่าๆ
อยู่ใต้โต๊ะกินข้าวฝั่งตรงข้ามให้สงบลง “เฮ้ย ฉันยังนั่งทำงานที่เดิมโว้ย เปลี่ยนในนาม
งานก็ยังต้องทำเหมือนเดิม ไม่สิ... ทำเพิ่มขึ้นด้วยซ้ำ” กมลณัฐย่นจมูก

“งานเพิ่มเงินเพิ่ม โอเคไม่ใช่เหรอ”

“เออ จริงของแก”


เพื่อนร่วมงานต่างวัยแยกย้ายกันกลับ กมลณัฐนั่งรถออกจากซอยแล้วต่อรถเมล์
ไม่กี่อึดใจก็ถึงบ้าน พบพ่อกับน้องกำลังแย่งโทรทัศน์กันตามปกติก็ถอนใจ
เร่งเอาตัวเข้าไปขวางมวยคนละรุ่นไว้ ก่อนแย่งรีโมตมาครองเสียเองเป็นการตัดปัญหา
แต่เพราะกลับบ้านค่ำเกินไป รายการที่ชอบกำลังจะจบพอดี
ไม่นานหญิงสาวจึงลุกไปอาบน้ำ เปิดอินเตอร์เนทเล่นสักพัก
ก่อนเลื้อยลงบนที่นอน กอดหมอนข้างครุ่นคิดถึงตำแหน่งงานใหม่ที่ตนจะต้อง
เปลี่ยนไปทำในอีกไม่กี่วันข้างหน้า
เอาเข้าจริงตำแหน่งอาร์ตไดเร็คเตอร์ก็คงทำให้งานของเธอเปลี่ยนไปมากกว่าที่
ปลอบใจเจ้าปลา อาจจะค่อยๆ โอนถ่ายงานที่ทำประจำให้รุ่นน้องหลายคนทีละน้อย
ตัวเองก็ย้ายมาคุมภาพรวม จนถึงติดต่อกับคนฝ่ายอื่นมากขึ้น บางทีอาจจะได้ทำงาน
ร่วมกับคุณเพลงมากเยอะด้วย กมลณัฐวาดฝันอย่างปลาบปลื้ม ในวัยยี่สิบแปด
หญิงสาวเลิกกลัวการเปลี่ยนแปลง อันที่จริงมันเริ่มมาตั้งแต่แม่ตายจากไปตอนเธอ
เพิ่งเข้ามหาวิทยาลัย
ก็นั่นมันเป็นการเปลี่ยนอย่างที่สุดของที่สุดแล้ว คงไม่มีอะไรจะทำให้สะเทือนไปกว่านั้นได้อีก

ความปรารถนาของกมลณัฐ ก็แค่ทำแต่ละวันให้ดีที่สุด อะไรจะดาหน้าเข้ามาก็ช่าง
กังวลล่วงหน้าไปก็ใช่จะมีประโยชน์ เก็บแรงไว้ต่อสู้เมื่อถึงเวลาจะดีกว่า


เพราะกมลณัฐเข้านอนเร็วกว่าปกติเลยมีเรี่ยวแรงตื่นแต่เช้าไปทำงานซึ่งเป็นเรื่องนานปีทีหน
จากความเข็ดขยาดกับปาท่องโก๋จำนวนมากตั้งแต่วันวานหญิงสาวจึงตั้งใจไปกินข้าวเช้า
ในโรงอาหารของสำนักพิมพ์ ซึ่งมีหลายร้านให้เลือก คล้ายกับโรงอาหารในโรงเรียน
อาหารสะอาดและอร่อยแถมยังให้เยอะจุใจ จะขอเติมข้าวป้าที่รู้จักกันก็ไม่ว่า
แต่มื้อเช้าแบบนี้จานเดียวก็เกินพอ
ทว่าเมื่อแวะเข้าไปก็กลับผิดคาด ลืมไปว่าเพราะมาถึงเร็วเกินไปร้านที่อยากกินจึงยังไม่เปิด
หญิงสาวคร้านจะรอเลยตัดสินใจขึ้นไปทำงานพลางๆ ก่อน

กมลณัฐเห็นเงาของใครคนหนึ่งเดินอยู่ข้างหน้าห่างออกไปพอสมควร เขาสะพายกระเป๋า
ใบโตมาด้วย การแต่งตัวไม่คุ้น ท่าเดินไม่ชิน แต่รูปร่างนั้นคุ้นเคยตา ตามประสาคนวาดรูป
ที่มองอะไรละเอียด กมลณัฐแทบจะฟันธงได้ทันทีว่าคนที่เดินนำหน้าตนอยู่คือสรานนท์
แม้เขาจะใส่หมวกไหมพรมใบโตเก็บผมเอาไว้
หญิงสาวได้แต่เก็บความหลากใจไว้ในอก เดินตามขึ้นไปข้างบนเงียบๆ จนถึงโต๊ะทำงาน
ที่อีกฝ่ายทิ้งร้างไปจวนจะสองเดือนอยู่รอมร่อ ร่างสูงเปิดลิ้นชัก ทยอยรื้อของออกมากองบนโต๊ะ
หยิบเอาบางอย่างยัดใส่กระเป๋าใบโตที่เตรียมมาอย่างคล่องแคล่วแม้ไม่เร่งร้อน ในขณะที่
หญิงสาวกำลังจะเอ่ยทักถามว่าเขากำลังทำอะไร เสียงทุ้มๆ ก็ดังมาจากเจ้าของร่างสูง

“มาเก็บของน่ะ แต่ก่อนไม่รู้ผมหมกอะไรไว้รกไปหมด ขยะเยอะเลย... แต่บางอย่างก็ยังต้องเอากลับไป”

“เอ่อ หมายความว่าพี่นนท์จะลาออกจากตำแหน่งตากล้องของเราแล้วหรือคะ” กมลณัฐถามเสียงแห้งๆ
แม้จะไม่ได้สนิทสนมกันมากมายนักเพราะอีกฝ่ายดูเหมือนไม่ใช่คนที่จะเปิดใจกับใครง่ายๆ
แต่สรานนท์ก็นับว่าเป็นเพื่อนร่วมงานที่ดีมีน้ำใจคนหนึ่ง อีกประการ เธอสงสารเขาเพราะได้รับรู้
เรื่องร้ายๆ ที่ประดังประเดเข้าใส่ชายหนุ่มในพักหลังๆ ตั้งแต่บิดาตาย ทรัพย์สินถูกยึด
คนรักทอดทิ้ง พลาดหวังหลายอย่าง สถานะทางการงานก็ย่ำแย่จนน่าหวั่นใจ
แม้คนตรงหน้าในวันนี้จะดูมีอะไรแปลกๆ และดูเหมือนคงไม่ต้องการความสงสารเหมือนอย่างเคยก็ตาม

ชายหนุ่มหันไปยิ้มให้คนถาม ไม่ตอบอะไร กมลณัฐจึงได้เห็นชัดๆ สรานนท์ไม่ได้สวมแว่นตา
เหมือนอย่างเคย เขาดูแปลกไปเพราะเรื่องนั้นหรือ เห็นจะไม่ใช่ แค่ท่าทางคล่องแคล่ว
ไม่เงอะงะ หลังตรง ไหล่ตั้ง ผึ่งผาย จนน่าแปลก และเมื่อเห็นเขาทำท่าว่าอยากหาที่ใส่ของทิ้ง
หญิงสาวก็กระวีกระวาดไปหาลังกระดาษย่อมๆ จากใต้โต๊ะแถวนั้นมาให้ อยากช่วยเขาให้เต็มที่
อย่างน้อยก็ก่อนที่คนดีๆ ที่ถูกโลกรังแกคนนี้จะจากไป

“ขอบคุณมาก ณัฐ” สรานนท์ไม่เคยเรียกกมลณัฐว่าน้องหรือแทนตัวเองว่าพี่
แต่หญิงสาวก็เรียกเขาพี่ตามอาวุโสเพราะอีกฝ่ายแก่กว่าเธอถึงสี่ปี ถ้าจำไม่ผิดปีนี้เขาน่าจะอายุ
สามสิบสองแล้ว ยังไม่สายที่จะเริ่มต้นใหม่หรือหางานดีๆ ทำ ถ้าเขาคิดจะเปลี่ยนแปลงตัวเองละก็นะ...

หญิงสาวกลับมาช่วยสรานนท์เก็บของหลังจากไปวางกระเป๋าสะพายไว้ยังโต๊ะทำงานตัวเอง
สรานนท์เลือกที่จะมาตั้งแต่เช้าตรู่คนยังไม่ค่อยพลุกพล่าน อาจเป็นเพราะเขาอยากจากไปเงียบๆ
ระหว่างช่วยหยิบจับ กมลณัฐปรายตามองเสื้อยืดสีดำเท่ๆ ซึ่งคนข้างกายสวมอยู่
เสื้อของบิลลาบอง ไม่แปลกสำหรับคนทำงานอาร์ต แต่แปลกเมื่อคนอย่างสรานนท์หยิบมันมาใส่
ปกติเขามักใส่เสื้อยืดเรียบๆ เปื่อยๆ ไม่มีลาย ทับด้วยเสื้อสไตล์คาวบอยเชยๆ สักตัว กับกางเกงยีน
ที่ค่อนข้างเก่าและสกปรก ไม่ใช่ของใหม่ดูมีราคาอย่างนี้

“เลิกใส่แว่นแล้วเหรอคะพี่นนท์”

“เปล่า ผมลืมแว่นน่ะ” ชายหนุ่มตอบ มีแววยิ้มๆ ในน้ำเสียงแต่เพียงน้อย

“เข้ามาเก็บของแบบนี้แปลว่าได้งานใหม่แล้ว...” กมลณัฐถามอย่างห่วงใย
แต่คิดว่าคงเป็นแบบที่ตนคาดอย่างไม่ต้องสงสัย ไม่เช่นนั้นคนที่ใครๆ รู้กันว่ากำลังหมดตัว
ไหนเลยจะใส่ชุดใหม่เอี่ยมทั้งตัว กระเป๋าสะพายใบโตนั่นก็ด้วย ทั้งดูดีและมีราคาจนหญิงสาว
ยังนึกสงสัย เงินมันใช้ซื้อรสนิยมได้ด้วยหรือ... บางคนไม่ต้องมีเงินมากก็สามารถแต่งตัวออกมา
ดูดีได้ แต่สรานนท์ไม่เคยเป็นเช่นนั้น หรือว่าที่ทำงานใหม่บังคับให้เขาต้องดูดีแต่หัวจรดเท้า

เป็นไปได้ไหมว่าอีกฝ่ายกระทบกระเทือนใจกับหลายๆ อย่าง
จนต้องลุกมาปฏิวัติตัวเองจนดูผิดไปเป็นคนละคน

“ได้งานใหม่ที่ไหนเหรอคะพี่นนท์” กมลณัฐถามตามมารยาทปนเปกับความอยากรู้อยู่ในที

“ไม่ใกล้ไม่ไกลนี้แหละ ไว้จะแวะมาคุย แต่ว่าตอนนี้ต้องรีบเก็บของก่อน”

“ก่อนที่คนอื่นจะมาทำงานกันเหรอคะ หนีหน้าใครหรือเปล่า” หญิงสาวแซวทะเล้น
พลางช่วยเรียงกระดาษลงลังให้เป็นระเบียบ เพื่อจะได้ใส่เพิ่มลงไปได้อีกโดยไม่กินเนื้อที่
แม้โต๊ะของเขาจะรกมาก แต่ใช้เวลาเพียงสิบกว่านาทีสรานนท์ก็สามารถเก็บของ
ที่ต้องการลงกระเป๋าเป้ได้หมด เท่าที่เห็นยังเหลือพื้นที่ในกระเป๋าอีกโขด้วยซ้ำ

กมลณัฐถอนใจ ไม่ใช่เหนื่อยแรง แต่ใจหาย...
เธอทำงานที่นี่มาเกือบห้าปีแล้ว ตั้งแต่เข้ามาก็เห็นเขาอยู่ แม้จะไม่ได้สนิทกันมากมาย
แต่สรานนท์ก็แนะนำนั่นนี่ให้หลายอย่างเวลาไม่มีใครช่วย ครั้นเขาจะย้ายไปก็รู้สึก
เหมือนที่ทำงานจะขาดๆ อย่างไรชอบกล
หญิงสาวมองเลยไปยังรูปถ่ายไม่กี่ใบบนผนังคอกกั้นก่อนเอ่ยอย่างสงสัย

“ไม่เอารูปไปด้วยเหรอพี่นนท์ รูปฝีมือตัวเองนี่ ใช่ไหม แล้วก็...” ในกรอบรูปนั้นมีสรานนท์กับเพื่อน...
นายธิติ แล้วก็คุณพล พี่ชายของเพลงพิณที่เธอเองยังไม่เคยเจอตัวจริงสักทีกอดคอกันสามคนอยู่ในภาพ

“ไม่ละ” สรานนท์หยิบกรอบรูปนั้นมายัดเยียดใส่มือกมลณัฐ
“เอาไว้เป็นที่ระลึกถึงผมคนเก่าแล้วกัน ส่วนภาพถ่ายงานเก่าๆ ผมไม่สนใจละ อยากโละทิ้งให้หมด
เพิ่งเห็นว่าฝีมือตัวเองแต่ก่อนมันยังไม่สุด ยังไม่ได้ความ” ชายหนุ่มโบกมือพลางก้าวจากไป

“โชคดีนะคะพี่นนท์”

ชายหนุ่มชะงักนิดหนึ่งเมื่อได้ยินคำนั้น “ขอบใจนะณัฐ... อย่างน้อยก็เรื่องที่ทำให้ผม
อารมณ์ดีตลอด ถึงที่ผ่านมาเราจะไม่ได้คุยอะไรกันมาก แต่พอได้ยินคุณพูดตลกๆ กับน้องๆ
ที่ทำงานทุกวัน ผมก็แฮปปี้ แล้วก็ที่คอยห่วงใยเล็กๆ น้อยๆ ด้วย
...ผลของความดีต้องสนองคุณแน่นอน” ท้ายประโยคยิ้มๆ นั้นราวกับผู้ใหญ่ให้พรเด็ก

กมลณัฐยิ้มยิงฟันกับคำพูดที่ตนได้แต่สาธุตามในใจ
สวรรค์จะมีตางั้นหรือ งั้นขอเงินเดือนขึ้นเยอะหน่อยก็แล้วกัน...



“พี่สรานนท์เค้าลาออกแล้วแน่ะ รู้กันยังๆๆ ” นั่นคือหัวข้อสำหรับยามบ่ายที่เด็กปลา
เอ่ยเสียงเจื้อยแจ้วใส่หูของกมลณัฐ หลายคนที่ได้ยินพากันถอนใจปลงๆ ก็คิดอยู่แล้ว
ตั้งแต่ที่เขาหายหน้าไปจวนจะสองเดือน ว่าอีกฝ่ายคงไม่อยากกลับมา แถมยังไอ้ที่
ไปมีเรื่องกับธิติซึ่งใหญ่อยู่พอสมควรในบริษัท คงหาทางก้าวหน้าได้ลำบากเต็มทน

กมลณัฐหาวหวอดพลางทำงานต่อ ปลายิ่งแปลกใจ เพราะเท่าที่รู้ตั้งแต่สรานนท์หายหน้าไป
ก็มีพี่ณัฐของเธอนี่แหละที่ดูจะห่วงเขารองลงมาจากคุณเพลง

“พี่ณัฐไม่สนใจเลยเหรอ ปลาอุตส่าห์บอกข่าวพี่นนท์นะ”

“สนสิ แต่ฉันเพิ่งเจอพี่เขาเมื่อเช้า เลยรู้ข่าวก่อนหล่อนตั้งหลายชั่วโมง”

“ว้า นึกว่าเรารู้ก่อน ชิ”



เพลงพิณเดินถือเอกสารผ่านมาพอดี หลายคนจึงร้องถามเรื่องสรานนท์พร้อมกัน
โดยมิได้นัดหมาย เป็นเหตุให้หญิงสาวต้องหยุดตอบ

“อ๋อค่ะ เพลงก็เพิ่งรู้เมื่อสายนี้เอง”

คนพูดกำลังน้อยใจสรานนท์อยู่ไม่มากก็น้อยถ้าหากกมลณัฐหูไม่ฝาด
แต่ดูเหมือนคนส่วนใหญ่จะไม่ได้รู้สึกถึงสิ่งนั้นในน้ำเสียงของเจ้านายสาว

“ณัฐก็เจอพี่เขาเมื่อเช้าค่ะคุณเพลง แอบมาเก็บของที่โต๊ะ สงสัยไม่อยากตอบคำถามใคร เรื่องลาออก...”

“ลาออกงั้นหรือ นี่เขาไม่ได้บอกณัฐเหรอคะ ว่าเขาไม่ได้ลาออก”

“อ้าว แล้วถ้างั้นทำไมต้องมาเก็บของ แถมยังบอกว่าได้งานใหม่แล้วด้วย” กมลณัฐชักงง

“ออกจากตำแหน่งเดิม แต่จะเข้ามาในตำแหน่งใหม่” เพลงพิณถอนใจ
“เขาจะมาเป็นหนึ่งในทีมผู้บริหาร”

//
ตัดจบบทแล้วค่ะ
เปลี่ยนชื่อบท 3 เป็นพรายปรารถนา...
โปรดติดตามบทที่ 4 สัญญาพิษ{ขอจริงซะที}



อสิตา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 1 ส.ค. 2555, 16:49:19 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 5 ต.ค. 2557, 07:30:37 น.

จำนวนการเข้าชม : 1625





<< บทที่ ๓ กล่องแห่งความทรงจำ   เปลี่ยนชื่อบทเก่าแล้วนะคะ ขอขึ้นบทที่ ๔ สัญญาพิษ(ตอนแรก) >>
อสิตา 1 ส.ค. 2555, 16:50:26 น.
เดี๋ยว 10 นาทีมาตอบเม้นต์ของตอนก่อนนะคะ อุอิ


อสิตา 1 ส.ค. 2555, 17:00:06 น.
50 นาที... เกิดหิวขึ้นมา


สร้อยดอกหมาก 1 ส.ค. 2555, 17:06:24 น.
แวะมาเยี่ยมเยียนค่ะ แอบอ่านผลงานมานาน แต่ไม่เคยโผล่หัวให้เห็นเลย



lovemuay 1 ส.ค. 2555, 17:28:04 น.
โอ้โห..พี่นนท์มาเหนือเมฆ แบบนี้นายธิติจะยิ่งแค้นมั๊ยน้า?


บุลินทร 1 ส.ค. 2555, 17:56:43 น.
แวะมาดู อิอิ ลงตอนพิเศษเร็วๆนะ ทวงแทนแฟนๆ


goldensun 1 ส.ค. 2555, 18:23:14 น.
คติประจำใจอันใหม่นี่ ดูไม่เป็นพระเอกเลยนะพี่นนท์ สนแต่ตัวเองไว้ก่อนนี่
ที่ทำงานใหม่ใกล้ๆ นี่ ตรงตามตัวเป๊ะเลย ที่บอกณํฐ ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น
คงทำให้ธิติกับอรดีกระอักด้วยความแค้นและความเสียดายแน่


Chii 1 ส.ค. 2555, 18:25:37 น.
//ยกป้ายไฟ
เชียร์พี่นนท์สุดใจเรยยยย


อสิตา 1 ส.ค. 2555, 18:27:01 น.
คุณฮอบบิท – น้ำมันพรายของคนเขียนติดหนึบเหมือนกาวตราช้างค่ะ เหม็นด้วย เอ๊ย ไม่ใช่...หอมสุดๆต่างหาก

คุณเมล็ดทานตะวัน – นอนรอตอนต่อไปบนเตียง บนพื้น บนโซฟาแบบอรดีก็ได้ค่ะ แต่ฉากจ้ำจี้ของสองคนนี้
คงไม่ต้องเขียนนะ บังเอิญว่าไม่ชอบทั้งคู่เลยจิ้นไม่ออก -.-*

คุณหมูอ้วนตุ้ยนุ้ย – พี่พลออกมาแล้วจะน่ารักกว่านี้อีก... จวนแล้วค่ะ อีกนิดเดียวๆๆ
เขียนฉากพี่พลทีไรคนเขียนเขินทุกที -///-

คุณพระอาทิตย์สีทองผ่องอำไพ – ฝันของเพลงทำให้คนเขียนอยากเล่นน้ำ กึ่ยๆ เป็นพวกชอบลงน้ำค่ะ
สงสัยจะเคยอยู่ในน้ำมาก่อน 55 พี่นนท์อีกคนก็ยังอยู่ในตัวแหละค่ะ แค่โดนกดไว้

คุณซาอิ แกะน้อยงุงินุ่มแน่นปั๋ง – พี่นนท์ให้หนูเพลงลืมว่าฮีแปลกไป จะได้เลิกสงสัยและระแวง
คือเอาจริงๆก็ไม่ได้ลืมหรอก แค่รู้สึกเลาๆว่าก็แบบนี้แหละ ไม่เห็นแปลกตรงไหน พี่นนท์ก็เหมือนเดิม
แต่พอใครมาสะกิดให้คล้อยตามก็จะงงๆนิดหน่อยว่าตกลงแปลกหรือไม่แปลก เรียกว่าสะกดอย่างเบา

คุณชีจัง – รออัคน้อยต่อไปอีกหน่อยนะชีจัง อย่างอแง มีหนุ่มแว่นที่ตอนนี้ลืมแว่นไว้ที่เตียงคนอื่นแทนไง
ทำไมต้องคิดว่าพี่นนท์จะไปตามทางแบบพรายๆง่า หรือว่าอยากให้พระเอกโสดจริงๆ เค้ายังไม่มีสนพ.
เป็นของตัวเองนะ คงเขียนเรื่องติสๆแบบนั้นให้ชีจังยังไม่ได้หรอก

คุณบุลินทร – ฟังเพลง “รอแล้วได้อะไร” อยู่เหรอคะ ว้า...ฮ้าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

คุณใบบัวน่ารัก – พี่นนท์บอกให้ลืม “เรื่องแปลกๆ ในคืนนี้” ที่เพลงเคลิ้มก็รวมเป็นหนึ่งในเรื่องแปลกๆด้วยนะ
ส่วนนี้ยังไม่เฉลย แต่ทิ้งไว้ให้จับผิดหรือสงสัยไปก่อนน่ะค่ะ (ว่าทำไมมันถึงรวมเป็นเรื่องแปลกๆ)

คุณเฟอร์นักสะสมโป๋ย – จบด้วยโซฟา ไม่ใช่เตียง วุ้ย ลูกสาวมะม้านี่แก่แดดจริง
พี่นนท์สะกดจิตได้เบาๆนะ ไม่ใช่วิชาสะกด แต่เป็นสะกดแบบธรรมชาติด้วยพลังพรายๆ
สามารถคลายได้ด้วยจิตมนุษย์

คุณเลิฟหมวย – ช่ายยยยค่ะ พี่นนท์คนเดิมนี่แหละ ความกังวล+ฯลฯ แบบเดิมๆ จะหลุดมาให้เห็นเป็นพักๆ
แค่พยายามแข็งแกร่งขึ้น แต่ไม่รู้ว่าจะกลายเป็นพวกหลงอำนาจไปตอนไหน หนูเพลงต้องโดนกระทำแน่ๆ
อิอิ

คุณลูกหนู – มาแว้วๆๆ ลูกสาวเค้า (ยังขาดลูกชายอีกหนึ่งสิเนี่ย) พี่นนท์ตอนนี้ กลับมาเพื่อสนองความปรารถนา
ฮ่วย จริงๆอยากตั้งชื่อว่าพรายปรารถนานะเนี่ย แต่มันมีละครชื่อนี้มาแล้วชิมิ...

คุณอะมีราห์แท็คฯ –ทำไมมาปิดท้ายละคะ ปกติจะมาเร็วนี่นา แต่มาช้ายังดีกว่าไม่มาเนอะ
เพลงทิ้งพี่นนท์คนเก่าไม่ได้ค่ะ แต่คนใหม่เร้าใจ สั่นไหว เขินสะท้านนน อร๊างงง
ขอบคุณที่ช่วยหาคำผิดค่ะ เลิฟๆ ถ้าเจอก็เอาอีกนะ


Zephyr 1 ส.ค. 2555, 19:19:44 น.
พี่นนท์คิดจะทำอะไร ดูมึนๆนะ มะม้า
ฮีตอบคำถามณัฐแต่ละอัน แบบ เหมือนคนกวน หน้าตาย เหอๆๆ
ถ้าไม่ใช่พี่นนท์นะ มีตื้บไปแล้ว กวนซะ ผมลืมแว่นตา เหอะ งานใหม่ไม่ใกล้ไม่ไกล ชริ
กลับมาใหม่ในมาดผู้บริหาร เรอะ จะไปรอดป่ะ อิอิ รอดสิน่า มาดใหม่แล้ว ไฉไลแล้ว โมดิฟายแล้วด้วย
มะม้า เมื่อไรพี่พลกะณัฐจะเจอะเจอกานนนนนน
ปล. รอโซฟากะเตียงมันก็นอนได้เหมือนกันล่ะน่า นะ ไม่จำกัดว่าต้องเตียงนี่ ที่ นอน ได้ อ่ะ มะม้าก้อออ


ling 1 ส.ค. 2555, 19:20:28 น.
สนุกละทีนี้เข้ามาเป็นหนึ่งในผู้บริหารแล้ว สู้ๆ


เรือใบ 1 ส.ค. 2555, 21:46:16 น.
ลึกลับ น่าค้นหาเหมือนเดิมค่ะ ^^
แต่นิดนึงนะคะ คำว่า "ปาท่องโก๋" ไม่ควบกล้ำ "ล" ตรงคำว่าปาค่ะ


อสิตา 1 ส.ค. 2555, 22:06:18 น.
คุณเรือใบ ขอบคุณมากค่ะ คนเขียนเลอะเลือนเอง ตรวจดูแล้วมีคำนี้6-7ที่
เขียนปาถูกแค่ที่เดียวเอง มันคงแฝงอยู่ลึกมากๆ ถ้าไม่มีคนบอกละก็แย่แน่ๆ


sai 2 ส.ค. 2555, 01:24:06 น.
หาวววววววววววว พี่นนท์ เตรียมกลับมาแล้วววว


หมูอ้วน 2 ส.ค. 2555, 06:08:51 น.
พี่นนท์ลุคใหม่ ในมาดผู้บริหารจะเป็นยังไงหนอ เฮี้ยบป่่าวค่าาา


อสิตา 3 ส.ค. 2555, 07:03:25 น.
ขอเปลี่ยนชื่อบทหน่อยน้า เช็คดู เพิ่งเห็นบทมันยาวไปละต้องแบ่งครึ่ง


ameerahTaec 3 ส.ค. 2555, 10:25:44 น.
อัยย๊ะ พี่นนท์ไปเป็นทีมบริหารแล้วหรอเนี่ย รู้สึกว่าตอนนี้ณัฐจะเด่นจนแอบคิดว่า อ้าว เพลงไม่ใช่นางเอกหรอ 55555555+ หรือหักมุม 5555+ // จะรออ่านตอนพิเศษของอัคนิสุดที่รักนะคะ >3<


ฮอบบิท 4 ส.ค. 2555, 21:20:32 น.
ชักเข้มข้นแล้วสิ จะรอวันที่พี่นนท์ได้แว่นคืน


shadha 7 ส.ค. 2555, 02:17:35 น.
มาเก็บตก
(me: โดนคนเขียนตบ!!)

ปูลู แอบเดาว่าเดี่ยวเจ้าณัฐจะได้กะพี่พล อิอิ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account